xs
xsm
sm
md
lg

ส่องเส้นทางความยั่งยืน "130 ปี เนสท์เล่" มุ่งมั่นส่งมอบผลิตภัณฑ์คุณภาพ พร้อมสร้างคุณค่าให้สังคมไทย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ผ่านมา 130 ปีแล้ว จากวันแรกที่ “เนสท์เล่” เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทย เมื่อปีพ.ศ. 2436 โดยมีการโฆษณาผลิตภัณฑ์นมข้นหวาน “แหม่มทูนหัว” ครั้งแรกในนิตยสารบางกอกไทมส์ นับจากนั้น เนสท์เล่ก็เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของคนไทย ผ่านผลิตภัณฑ์ต่างๆ ภายใต้แบรนด์ที่ได้รับความนิยมมากมาย เช่น ตราหมี เนสกาแฟ ไมโล แม็กกี้ มิเนเร่ ไอศครีมเนสท์เล่ และเนสวิต้า จนถึงปัจจุบัน เนสท์เล่ ประเทศไทย เติบโตอย่างมาก มีโรงงานผลิต 8 แห่ง ศูนย์กระจายสินค้า 4 แห่ง และพนักงานมากกว่า 3,000 คน ที่พร้อมส่งมอบผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมความต้องการของทุกคนในครอบครัว


ตลอดเวลาที่ผ่านมา เนสท์เล่ ดำเนินธุรกิจโดยให้ความสำคัญกับการทำความเข้าใจผู้บริโภคชาวไทยอย่างลึกซึ้งผ่านการทำวิจัยและเก็บข้อมูลต่างๆ พร้อมกับการก้าวตามเทรนด์และปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภคทุกช่วงวัยมาโดยตลอด โดยอาศัยความได้เปรียบจากการเป็นองค์กรธุรกิจระดับนานาชาติ ที่มีศูนย์วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ถึง 23 แห่ง และศูนย์เทคโนโลยีผลิตภัณฑ์ถึง 10 แห่งทั่วโลก ทำให้สามารถเจาะลึกและผลิตสินค้าที่ตรงตามความต้องการที่แท้จริงของผู้บริโภค รวมทั้งการให้ข้อมูลสนับสนุนด้านโภชนาการอย่างถูกต้อง

๐ ก้าวอย่างมั่นคงบน ESG

เนสท์เล่ ประเทศไทย ขับเคลื่อนองค์กรอย่างมั่นคงมาโดยตลอด ด้วยการยอมรับจากผู้บริโภคมาอย่างยาวนาน และกำลังก้าวต่อไปอย่างแข็งแกร่ง ด้วยหลัก ESG (Environment - Social- Governance) ซึ่งเป็นแนวทางของความยั่งยืน โดยมีแผนงานที่น่าสนใจทั้ง 3 ด้าน

ด้านสิ่งแวดล้อม - เนสท์เล่มุ่งดำเนินการตามแผนงาน “Net Zero 2050” เพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิจนเหลือศูนย์ภายในปีค.ศ.2050 ซึ่งประกอบด้วย 4 แนวทาง ได้แก่


1) การจัดการหาวัตถุดิบอย่างยั่งยืน เนสท์เล่ใช้เมล็ดกาแฟทั้งอาราบิก้าและโรบัสต้าที่ผ่านมาตรฐานความอย่างยั่งยืนในการทำสวนกาแฟในระดับสากล (4C) 100% พร้อมสนับสนุนเกษตรกรผู้ปลูกกาแฟมากว่า 40 ปี โดยมีโครงการ “Nescafé Plan” เป็นหัวใจหลักในการส่งเสริมให้เกษตรกรมีความรู้ความเชี่ยวชาญ สามารถสร้างผลผลิตอย่างมั่นคง ควบคู่ไปกับการดูแลฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ยังทำงานอย่างใกล้ชิดกับเกษตรกรโคนม และช่วยสนับสนุนเกษตรกรฟาร์มโคนมให้ได้รับการรับรองมาตรฐานการปฏิบัติการทางการเกษตรที่ดี (GAP) รวมทั้ง นำหลักการ “เกษตรเชิงฟื้นฟู” มาใช้สนับสนุนเกษตรกรผู้ผลิตกาแฟและโคนมไทย เพื่อให้สามารถลดการปล่อยคาร์บอน พร้อมกับการปกป้องและฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน


2) การดูแลและจัดการทรัพยากรน้ำอย่างยั่งยืน เนสท์เล่ดำเนินโครงการอนุรักษ์และฟื้นฟูแหล่งน้ำมาตั้งแต่ปีพ.ศ.2558 ภายใต้โครงการ “เนสท์เล่ น้ำรักษ์น้ำ (Nestlé Waters cares for Water)” ที่มี 3 แนวทางหลักครบวงจรเป็นรายแรก ได้แก่ เรียนรู้ ปกป้อง และฟื้นฟูเพื่อส่งต่อแหล่งน้ำให้กับคนรุ่นต่อไปได้มีน้ำสะอาดไว้ใช้ในอนาคต ด้วยการสนับสนุนเยาวชนให้เป็นผู้นำชุมชนในการดูแลและฟื้นฟูคลองขนมจีน ให้มีปริมาณและคุณภาพน้ำที่ดีขึ้น และได้จัด “ตลาดนัดขยะชุมชน” เพื่อส่งเสริมการแยกและลดขยะในแหล่งน้ำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันเนสท์เล่สามารถทดแทนน้ำกลับคืนสู่ธรรมชาติและชุมชนได้เท่ากับที่ใช้ไปในโรงงานน้ำดื่มของบริษัท และยังมีแผนงานขยายการดำเนินโครงการไปยังจังหวัดสุราษฎร์ธานี


3) การลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก  เนสท์เล่ใช้เทคโนโลยีที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเพื่อส่งเสริมความยั่งยืนตลอดทั้งกระบวนการผลิตและการขนส่ง โดยกลุ่มธุรกิจไอศกรีม เป็นธุรกิจแรกในกลุ่ม FMCG ของเนสท์เล่ในไทยที่ใช้ไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน 100% ในกระบวนการผลิต โดยใช้รูปแบบการซื้อขายพลังงานทดแทนแบบเจาะจงแหล่งที่มา ผ่านความร่วมมือกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และได้นำรถสามล้อขายไอศกรีมไฟฟ้ามาใช้อีกด้วย


และ 4) การใช้บรรจุภัณฑ์รักษ์โลก โดยภายในปีค.ศ.2025 เนสท์เล่มีเป้าหมายลดการใช้พลาสติกผลิตใหม่ลงจำนวนหนึ่งในสาม ขณะที่ปัจจุบัน 95% ของบรรจุภัณฑ์เนสท์เล่ในไทยได้รับการออกแบบให้สามารถนำไปรีไซเคิลได้แล้ว อีกทั้ง น้ำแร่มิเนเร่ยังเป็นน้ำดื่มแบรนด์แรกในไทยที่ใช้ขวดผลิตจากพลาสติกรีไซเคิล (rPET)

ด้านสังคม - เนสท์เล่มุ่งคิดค้นและพัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่ทั้งอร่อยและดีต่อสุขภาพ เพื่อมอบคุณค่าทางโภชนาการที่เหมาะสมให้กับทุกคนในครอบครัวด้วยความเชี่ยวชาญมาอย่างยาวนานผลิตภัณฑ์ของเนสท์เล่ในไทยกว่า 100 รายการ ได้รับสัญลักษณ์ทางเลือกสุขภาพ หรือ Healthier Choice Logo นับเป็นจำนวนมากที่สุดในบรรดาผู้ผลิตอาหารและเครื่องดื่มในไทย ขณะที่ผลิตภัณฑ์โภชนาการสำหรับเด็กของเนสท์เล่ทั้ง 100% มีการเสริมแร่ธาตุและวิตามิน เพื่อป้องกันการขาดสารอาหารในเด็ก


นอกจากนี้ ยังให้ความรู้ด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีเพื่อทุกคนในครอบครัวอย่างต่อเนื่อง ผ่านโครงการต่างๆ เช่น “โครงการเนสท์เล่คาราวานครอบครัวแข็งแรง” เริ่มตั้งแต่ปี 2552 เป็นกิจกรรมโรดโชว์ให้ความรู้ด้านโภชนาการที่สร้างผลดีต่อสุขภาพของประชาชนทุกช่วงวัยกว่า 5 ล้านคนทั่วประเทศ “โครงการเนสท์เล่เพื่อเด็กสุขภาพดี”เกิดขึ้นเมื่อปีพ.ศ.2547 เพื่อเป็นแรงบันดาลใจและสนับสนุนพ่อแม่และผู้ปกครอง ในการเสริมสร้างนิสัยที่ดีต่อสุขภาพเด็กอายุ 3 ถึง 12 ปี ด้วยการพัฒนาเครื่องมือการเรียนการสอนที่สนุก ให้สาระและเคล็ดลับที่นำไปใช้ได้จริง พร้อมกับกิจกรรมส่งเสริมการมีส่วนร่วมของเด็กๆ และในช่วงเกือบ 20 ปีที่ดำเนินโครงการ มีเด็กนักเรียนทั่วประเทศเข้าร่วมมากกว่า 1.6 ล้านคน

“โครงการภารกิจพิชิตสุขภาพดี” จากวิสัยทัศน์ตรงกันในการสร้างเสริมสังคมสุขภาพดีและห่างไกลจากโรค NCDS เนสท์เล่และกรมอนามัยร่วมส่งเสริมพฤติกรรมสุขภาพดี ผ่านภารกิจสุขภาพ 13 สัปดาห์ ครอบคลุม 4 หัวข้อ ได้แก่ 1.ลดหวาน มัน เค็ม 2.เพิ่มกิจกรรมทางกาย 3.กินปริมาณพอเหมาะ และ4.เสริมสารอาหารสำคัญ โดยมีผู้เข้าร่วมกิจกรรมจาก 130 ชุมชนทั่วประเทศ และมีเจ้าหน้าที่สาธารณสุข และอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านติดตามวัดผลสุขภาพ ให้คำปรึกษา และกระตุ้นให้ผู้เข้าร่วมภารกิจสามารถพิชิตสุขภาพดีได้ในแบบของตนเอง จนเกิดสุขนิสัยเป็นพฤติกรรมสุขภาพดีอย่างยั่งยืน

ด้านธรรมาภิบาล - เนสท์เล่คำนึงถึงความปลอดภัย คุณภาพ และปฎิบัติตามมาตรฐานสูงสุดในแต่ละขั้นตอนตลอดห่วงโซ่คุณค่า เริ่มจากการใช้วัตถุดิบและบรรจุภัณฑ์ที่สะอาดปลอดภัย ใช้เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยในกระบวนการผลิตและการตรวจสอบคุณภาพ รวมถึงการสร้างคุณค่าร่วมกับสังคม ด้วยความเชื่อมั่นว่าจะประสบความสําเร็จในระยะยาวได้ด้วย “การสร้างคุณค่าร่วม” หรือ “Creating Shared Value – CSV” ให้เกิดขึ้นทั้งผู้มีส่วนได้ส่วนเสียและสังคมไทย ควบคู่กับการยึดหลักธรรมาภิบาลในการทำงานอย่างโปร่งใส มีจริยธรรมและถูกต้องกับทุกฝ่ายที่มีส่วนเกี่ยวข้อง


๐ ยึดมั่นปรัชญา ขับเคลื่อนกลยุทธ์ “เพื่อผู้บริโภค เพื่อโลกของเรา”

เนสท์เล่จะก้าวต่อไปอย่างแข็งแกร่ง โดยยึดมั่นกลยุทธ์การขับเคลื่อนสิ่งดีๆ “เพื่อผู้บริโภค” หรือ “Good for You” ด้วยการสานต่อการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่อร่อยขึ้นและดีต่อสุขภาพมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นการลดน้ำตาล โซเดียม และไขมันในผลิตภัณฑ์ แต่ยังคงรสชาติอร่อยไว้เหมือนเดิม จนถึงการให้ความรู้ความเข้าใจในการรับประทานอาหารอย่างเหมาะสมและการดูแลสุขภาพแก่ผู้บริโภคไทยทั่วประเทศ พร้อมกับการขับเคลื่อนสิ่งดีๆ “เพื่อโลกของเรา” หรือ “Good for the Planet” เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์และการดําเนินงานของเนสท์เล่มีความยั่งยืน และสามารถปกป้อง ทดแทน และฟื้นฟูสิ่งแวดล้อม ตามเป้าหมาย Net Zero 2050


การขับเคลื่อนเนสท์เล่ในประเทศไทยด้วยหลักยึดและกลยุทธ์ที่ผ่านมา แสดงถึงความสามารถในการดำเนินธุรกิจด้วยความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่อง และพร้อมจะก้าวสู่อนาคตได้อย่างมั่นคงยืนยาว