xs
xsm
sm
md
lg

เอสซีจี ยกทัพนวัตกรรม-ดิจิทัลเทคโนโลยี ฝีมือคนไทย ตอบโจทย์ชีวิตยุคใหม่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เอสซีจี ชวนสัมผัสนวัตกรรม-ดิจิทัลโซลูชันสุดล้ำ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตยุคใหม่ “สะดวก-ปลอดภัย-รู้ใจคนทุกGen” จากฝีมือนวัตกรไทย (Born in Thailand) ภายใต้แนวคิด “Form Innovator to Entrepreneur” พลิกบทบาทนวัตกรคนไทยรุ่นใหม่ให้เป็นผู้ประกอบการในโลกธุรกิจ ร่วมขับเคลื่อนประเทศสู่เศรษฐกิจดิจิทัล (Thailand’s Digital Economy) ให้เติบโตอย่างยั่งยืนด้วยนวัตกรรม ณ บูทเอสซีจี งาน "Techsauce Global Summit 2023" ได้แก่

Smart Home Solution ภายใต้แบรนด์ “Mind” โซลูชันเพื่อบ้านอัจฉริยะสุดล้ำตอบโจทย์เมกะเทรนด์โลก ช่วยให้ผู้บริโภคใช้ชีวิตได้สะดวกสบายมากขึ้น ประกอบด้วย

1. Mind Solutions ให้บริการก่อน-หลังการขายโดยทีมงานมืออาชีพตลอด 24 ชั่วโมง

2. Mind Smart Home Device อุปกรณ์ IoT (Internet of Thing) ที่พัฒนาโดยคนไทยเพื่อคนไทย

3. Mind Mobile Application แอปพลิเคชันเชื่อมต่อ สั่งการทุกอุปกรณ์ภายในบ้านด้วยระบบ SCG ID ที่มีการยืนยันตัวตน ปลอดภัยสูง ใช้งาน ง่าย สะดวก ทั้งยังมีสิทธิพิเศษต่างๆ ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์จาก SCG และพันธมิตรต่างๆ อาทิ ส่วนลดโรงแรม อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และสินค้าจาก SCG Home

IOT Lab (Internet of Thing Lab) นวัตกรรมที่ออกแบบสำหรับภาคอุตสาหกรรม เช่น เซ็นเซอร์ที่นำไป

ประยุกต์ใช้กับสมองกลอัจฉริยะ (Autonomous) หุ่นยนต์ (Robot) และโดรน (Drone)

New HCI (New Human Computer Interface) นวัตกรรมที่อำนวยความสะดวกให้ทุกคน รวมทั้งผู้พิการ

และผู้ป่วยเข้าถึงการใช้งานคอมพิวเตอร์ได้อย่างเท่าเทียมกัน ทั้งง่าย รวดเร็ว และสะดวกยิ่งขึ้น
Robot Zone หุ่นยนต์สำหรับอุตสาหกรรมขนาดเล็กและขนาดกลาง นำเสนอการทำงานร่วมกันระหว่างคนกับหุ่นยนต์ และหุ่นยนต์กับหุ่นยนต์ เพื่อสร้างผลผลิตที่ได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

Meplug Zone คำนวณค่าไฟฟ้าด้วย Smart Plug เพื่อให้ควบคุมค่าใช้จ่าย

MR Kubota (Mixed Reality Kubota) นวัตกรรมและโซลูชันเพื่อเกษตรกร ได้แก่ "CoBot" หุ่นยนต์อัจฉริยะ ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต "Smart Farming Solutions” โซลูชันโดนใจเกษตรยุคใหม่ที่ช่วยเพิ่มผลิตทางการเกษตร


เอสซีจี มุ่งส่งเสริมนวัตกรไทยรุ่นใหม่ซึ่งเป็นรากฐานที่แข็งแรงของการพัฒนานวัตกรรม ดิจิทัลเทคโนโลยีให้สร้างสรรค์นวัตกรรมสำหรับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคใหม่ที่ต้องการความสะดวก ปลอดภัย และไร้ความกังวล ใช้ชีวิตได้อย่างสมาร์ท ขณะเดียวกันยังช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืน ผู้ที่สนใจเข้าชมได้ ณ บูท SCG R3 งาน "Techsauce Global Summit 2023" ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

งานเปิดตัวโครงการดังกล่าวได้รับเกียรติจากหน่วยงานภาครัฐบาล และตัวแทนนักศึกษามหาวิทยาลัยในประเทศ ในงานยังได้ย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการสร้างระบบนิเวศสำหรับบุคลากรที่มีศักยภาพทางด้านดิจิทัลในภูมิภาคนี้อีกทั้งยังเห็นว่าโครงการนี้มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาบุคลากรที่มีศักยภาพในประเทศ สามารถยกระดับภาคเทคโนโลยีสารสนเทศให้เป็นที่รู้จักแพร่หลาย และส่งเสริมผู้เข้าร่วมโครงการสร้างกลุ่มผู้มีความเชี่ยวชาญทางทักษะดิจิทัล

ดร. ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (depa) กล่าวว่า “ความร่วมมือในโครงการ Seeds for the Future ระหว่าง depa กับหัวเว่ย ผู้นำด้านเทคโนโลยีระดับนานาชาติ จะช่วยยกระดับนิสิตนักศึกษาที่มีศักยภาพพิเศษได้เป็นอย่างดี พร้อมกันนี้ โครงการดังกล่าวนับเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาระบบนิเวศด้านดิจิทัลของไทย และด้วยองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญจาก หัวเว่ย จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับบุคลากรดิจิทัลในประเทศ อีกทั้งช่วยเสริมศักยภาพและขีดความสามารถทางการแข่งขันแก่เศรษฐกิจดิจิทัลไทยในเวทีระดับโลก”

นายเดวิด ลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหารหัวเว่ย ประเทศไทย ย้ำถึงความมุ่งมั่นของบริษัทในการสร้างบุคลากรที่มีศักยภาพว่า “หัวเว่ยทุ่มเทเพื่อสังคมผ่านเทคโนโลยีและนวัตกรรม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในบริบททางดิจิทัลที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว โดยโครงการ Seeds for the Future นับเป็นโครงการซีเอสอาร์ที่มีการริเริ่มและดำเนินการมาอย่างยาวนานเข้าสู่ปีที่ 15 แล้ว เรามีการคัดสรรบุคลากรรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพโดดเด่นจากทั่วโลก เพื่อเข้าร่วมการฝึกอบรมทางด้านเทคโนโลยีสารสนเทศอย่างจริงจัง อันจะเป็นรากฐานสำคัญเพื่อต่อยอดเทคโนโลยีใหม่ในอนาคต ทั้งยังเป็นการพัฒนาทักษะความเป็นผู้นำ และส่งเสริมทักษะการเป็นผู้ประกอบการ โดยมีการดำเนินการในกว่า 140 ประเทศและภูมิภาคต่าง ๆ ก่อให้เกิดประโยชน์แก่นิสิตนักศึกษากว่า 15,000 คนจากมหาวิทยาลัยกว่า 500 แห่ง ซึ่งโครงการนี้ช่วยให้คนรุ่นใหม่ได้ฝึกฝนทักษะที่หลากหลายเพื่อรองรับการเติบโตทางด้านดิจิทัล และเป็นแรงบันดาลใจเพื่อรังสรรค์อนาคตต่อไป”

โครงการ Seeds for the Future 2023 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 21 ถึง 29 สิงหาคม พ.ศ. 2566 โดยในงานนี้จะมีผู้เชี่ยวชาญภาคอุตสาหกรรมที่มีชื่อเสียงหลายท่านมาถ่ายทอดความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น 5G, AI และคลาวด์ นอกจากนี้ ยังเป็นการส่งเสริมให้ผู้เข้าร่วมโครงการพัฒนาตนเอง ผ่านการศึกษาดูงาน ณ ศูนย์ Ecosystem Innovation Center ของหัวเว่ย และสัมผัสประสบการณ์ทางด้านวัฒนธรรมจีน โครงการนี้จะเปิดโอกาสให้นิสิตนักศึกษาได้ทำงานเป็นทีมเพื่อพัฒนาโครงการสตาร์ทอัพของตนตามแนวคิด "Tech4Good" แลกเปลี่ยนแนวคิดใหม่ ๆ เพื่อสร้างโลกที่มีความก้าวหน้าทางด้านดิจิทัลต่อไป

ในปี พ.ศ. 2566 นี้ หัวเว่ยได้ปรับปรุงโครงการในด้านต่างๆ เพื่อยกระดับคุณภาพทางการศึกษาในโครงการ ซึ่งผู้ฝึกอบรมในโครงการ และผู้ให้คำปรึกษาด้าน Tech4Good จะคอยให้ความช่วยเหลือแก่นิสิตนักศึกษาตลอดเวลา และเมื่อผ่านหลักสูตร Seeds Academy ภาคบังคับ ครอบคลุมทั้งหัวข้อ 5G, AI, Cloud และ Digital Power นิสิตนักศึกษาที่จบหลักสูตรจะได้รับประกาศนียบัตรจากโครงการ นอกจากนี้ ผู้จบหลักสูตรทุกคนจะถือเป็นศิษย์เก่าโครงการ (Seed alumni network) ซึ่งเป็นเครือข่ายสำหรับการติดต่อสื่อสารกับรุ่นพี่โครงการ Seeds for the Future

นอกจากจะเป็นโครงการระดับประเทศแล้ว นิสิตนักศึกษาที่มีศักยภาพโดดเด่นจำนวน 5 คนจะได้รับคัดเลือกเป็นตัวแทนประเทศไทยไปศึกษาดูงานระดับภูมิภาคในประเทศจีน ระหว่างวันที่ 15 ถึง 19 กันยายนนี้ ซึ่งจะมีการเยี่ยมชมสำนักงานใหญ่ของหัวเว่ย ณ เมืองเซิ่นเจิ้น และ ศูนย์วิจัยและพัฒนา ณ เมืองเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน ทั้งยังมีโอกาสเข้าร่วมการแข่งขัน Tech4Good ในระดับโลกอีกด้วย นับเป็นโอกาสพิเศษสุดสำหรับทีมจากประเทศไทย ซึ่งหัวเว่ย ประเทศไทยได้ให้คำมั่นสัญญาว่าจะแนะนำให้ทีมได้รู้จักกับนักลงทุนโครงการร่วมทุนต่าง ๆ หากทีมได้รับรางวัลใดรางวัลหนึ่งใน 3 รางวัลสูงสุด โครงการนี้มุ่งหมายเพื่อสนับสนุนและปลูกฝังแนวความคิดสร้างสรรค์ และช่วยให้นิสิตนักศึกษาต่อยอดนวัตกรรมไปสู่ระดับนานาชาติ

นายเดวิด ลี ปิดท้ายด้วยคำยืนยันว่าหัวเว่ยจะสนับสนุนโครงการนี้ต่อไป และมุ่งมั่นที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางบุคลากรดิจิทัลในอาเซียน ตลอดจนส่งเสริมความสำคัญของภาคโทรคมนาคมและชุมชนดิจิทัล “ที่หัวเว่ย เราเชื่อว่า เมล็ดพันธุ์เพียงเมล็ดเดียวก็สามารถเติบโตเป็นต้นไม้ที่แข็งแกร่งได้ และเป็นอนาคตที่สดใส ผมหวังว่า เส้นทางนี้จะช่วยให้เมล็ดพันธุ์แห่งอนาคตด้านดิจิทัลเติบโตในใจของนิสิตนักศึกษา ผมมั่นใจว่า เหล่านิสิตนักศึกษาจะได้รับแรงบันดาลใจจากวิสัยทัศน์แห่งอนาคตด้านดิจิทัล ที่ซึ่งนิสิตนักศึกษาทุกคนจะเป็นผู้ริเริ่มสร้างสรรค์อนาคตไปตามความฝันของตนเองต่อไป”