กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกับ GC นำร่องเส้นทางเดินอัพไซเคิล ช่วยลดพลาสติกใช้แล้วกว่า 4,500 กิโลกรัม ลดก๊าซเรือนกระจกกว่า 4,700 กก.CO2e ตั้งเป้าต่อยอดสู่ต้นแบบพื้นที่สีเขียวในเขตเมือง
เมื่อวานนี้ (9 สิงหาคม 2566) นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (รมว.ทส.) เป็นประธานในพิธีส่งมอบโครงการพัฒนาพื้นทางเดินอัพไซเคิล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) โดยมี นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดร.คงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC นายปิ่นสักก์ สุรัสวดี อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกระทรวงฯ และสื่อมวลชน เข้าร่วมพิธี ณ ห้องแถลงข่าว ชั้น 1 กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นโครงการต้นแบบความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน ในการใช้ทรัพยากรหมุนเวียน สร้างประโยชน์ต่อชุมชน ควบคู่กับการรักษาความสมบูรณ์ทางธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
รมว.ทส.กล่าวว่า ทส. และ GC ได้ร่วมดำเนินการพัฒนาถนนทางเดินอัพไซเคิล และท่าน้ำอัพไซเคิลจากพลาสติกใช้แล้ว บริเวณพื้นที่รอบสระน้ำของกระทรวงทรัพยากรฯ รวมระยะทาง 320 เมตร สามารถลดปริมาณขยะพลาสติกไปสู่หลุมฝังกลบมากกว่า 4,500 กิโลกรัม พร้อมช่วยลดก๊าซเรือนกระจกได้กว่า 4,700 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า หรือเท่ากับการปลูกต้นไม้ได้มากกว่า 495 ต้น
นับเป็นโครงการพัฒนาพื้นทางเดินอัพไซเคิล ที่ได้รับฟังความคิดเห็น การออกแบบ และการเลือกใช้วัสดุร่วมกับชุมชนในพื้นที่ ซึ่งคำนึงถึงระบบนิเวศและการใช้งานอย่างสมดุล โดยยังคงรักษาความเป็นธรรมชาติที่หลากหลาย สามารถพัฒนาให้เป็นพื้นที่สาธารณะประโยชน์ในชุมชนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมต่อยอดสู่การเป็นต้นแบบของการพัฒนาพื้นที่สีเขียวในเขตเมือง ที่คงไว้ซึ่งความสมดุลของธรรมชาติ และคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชน
โครงการพัฒนาพื้นทางเดินอัพไซเคิล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นความร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนที่จะส่งเสริมให้สังคมได้เห็นถึงประโยชน์ของการหมุนเวียนทรัพยากร ผ่านการมีส่วนร่วมในการคัดแยกขยะอย่างถูกวิธี หมุนเวียนกลับมาสร้างคุณค่า และสร้างประโยชน์ ให้ “พลาสติก เทิร์นเมือง” เป็นผลิตภัณฑ์รีไซเคิล ส่งต่อสู่การอัพไซเคิล ถือเป็นการหมุนเวียนใช้ทรัพยากรแบบ Closed loop ตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน ต่อยอดสู่การพัฒนาสิ่งแวดล้อมได้อย่างยั่งยืน