xs
xsm
sm
md
lg

อพท. จับมือยูเนสโก ขับเคลื่อนมรดกทางวัฒนธรรมสู่การท่องเที่ยวยั่งยืน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



อพท.สานภารกิจร่วมกับยูเนสโก ต่ออายุการดำเนินงาน เพื่อปกป้องมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องได้และจับต้องไม่ได้ ให้เกิดความยั่งยืนต่อไป พร้อมเสริมสร้างศักยภาพโดยเน้นพื้นที่พิเศษในความดูแลรับผิดชอบของ อพท. เป็นพื้นที่นำร่อง

นาวาอากาศเอก อธิคุณ คงมี ผู้อำนวยการ องค์การบริหารการพัฒนาพื้นที่พิเศษเพื่อการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน หรือ อพท. เปิดเผยว่า อพท. ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างกัน (MOU) กับองค์การเพื่อการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูเนสโก (UNESCO) เพื่อร่วมกันดำเนินกิจกรรมสนับสนุนการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนและการพัฒนาท้องถิ่นสำหรับมรดกโลก แหล่งมรดกทางวัฒนธรรมและธรรมชาติ เมืองสร้างสรรค์ จุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวในประเทศไทย ผ่านการปกป้องมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องได้และจับต้องไม่ได้ ตลอดจนการเสริมสร้างศักยภาพโดยเน้นดำเนินการในพื้นที่พิเศษ ในความดูแลรับผิดชอบของ อพท. เป็นพื้นที่นำร่องในการดำเนินกิจกรรม

การดำเนินการภายใต้ความร่วมมือครั้งนี้ จะก่อให้เกิดการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนผ่านมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ และเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ตามเส้นทางสายน้ำแห่งอาเซียน (ไทย-ลาว-กัมพูชา) โดย อพท. ได้รายงานต่อคณะกรรมการด้านการท่องเที่ยวอาเซียน (ASEAN Tourism Committee) และจะเริ่มดำเนินโครงการในเดือนสิงหาคม 2566 โดยได้รับการสนับสนุนเงินทุนอาเซียน-ตุรกี (ASEAN-Turkey Fund)

สำหรับรูปแบบความร่วมมือ อพท. และ ยูเนสโก ได้กำหนดวิธีการในการสนับสนุนด้านการเงินเพื่อดำเนินโครงการที่เกี่ยวข้องร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงกำหนดขอบเขตความร่วมมืออื่นๆ เพื่อส่งเสริมเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์และความคิดริเริ่มอื่นๆ ที่มีศักยภาพในประเทศไทยในอนาคตร่วมกันด้วย

ทั้งนี้ การ MOU ดังกล่าว เป็นโครงการสืบเนื่องมาจากความร่วมมือระหว่าง อพท. กับยูเนสโกในครั้งแรกเมื่อปี 2557 และได้ต่ออายุ MOU ระหว่างกันครั้งที่ 2 ในปี 2562 โดย อพท. และ ยูเนสโก ได้รับเงินทุนอาเซียน (ASEAN FUND) ดำเนินโครงการ “เครื่องมือการบริหารการจัดการนักท่องเที่ยว” (Visitor Management Assessment and Strategy Tool - VMAST) โดยการจัด Online workshop ในประเทศไทย (พื้นที่พิเศษของ อพท. และพื้นที่มรดกโลกทางธรรมชาติและทางวัฒนธรรม) รวมทั้งประเทศในกลุ่มอาเซียนและเขตเศรษฐกิจเอเปค ดังนั้น ความร่วมมือในปี 2566 ครั้งนี้ จึงเสมือนเป็นการต่ออายุการดำเนินงาน เพื่อปกป้องมรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องได้และจับต้องไม่ได้ ให้เกิดความยั่งยืนต่อไป