“บลู เอเลเฟ่นท์” เน้นคอนเซ็ปต์ “อาหารเป็นยา” ชูสมุนไพรไทยเสริมสร้างสุขภาพ คัดสรรวัตถุดิบคุณภาพจากโครงการหลวงและชุมชนทั่วประเทศไทย ใช้กระบวนการผลิตทันสมัย ถูกสุขลักษณะ เดินหน้าออกผลิตภัณฑ์ใหม่ระดับพรีเมี่ยม “น้ำแกงมัสมั่นพร้อมปรุง น้ำแกงพะแนงพร้อมปรุง กะทิสำเร็จรูป พริกแกงใต้” พร้อมสาธิตเมนูหลากหลาย โชว์ความโดดเด่น “Product of Thailand” ในงาน “THAIFEX - ANUGA ASIA 2023”
มาสเตอร์เชฟนูรอ โซ๊ะมณี สเต็ปเป้ ผู้ก่อตั้งโรงเรียนสอนทำอาหารและมาสเตอร์เชฟแห่งภัตตาคาร “บลู เอเลเฟ่นท์” กล่าวว่า ด้วยสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ผ่านมา ส่งผลให้ไลฟ์สไตล์ของคนทั่วโลกหันมานิยมรับประทานอาหารเป็นยามากขึ้น โดยเฉพาะอาหารไทยที่อุดมไปด้วยสมุนไพรที่ดีต่อสุขภาพ ทำให้แนวโน้มธุรกิจอาหารและเครื่องปรุงรสของไทยเติบโตอย่างต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็น อาหารพร้อมปรุง พริกแกงสำเร็จรูป เครื่องเทศแห้ง ซอสปรุงรส กะทิ ขนมขบเคี้ยว ชา ฯลฯ ซึ่ง “บลู เอเลเฟ่นท์” ยังคงให้ความสำคัญกับการปรุงอาหารด้วยสมุนไพรไทยหลากหลายชนิด เพราะเชื่อมั่นว่า “อาหารเป็นยาที่อร่อยที่สุด”
สำหรับการออกบูธที่งาน THAIFEX - ANUGA ASIA 2023 ในครั้งนี้ บลู เอเลเฟ่นท์ นำเสนออาหารและผลิตภัณฑ์ในธีม “We Are Family” เพื่อสะท้อนถึงรากเหง้าของความเป็นไทย วัฒนธรรมอันหลากหลาย และสายสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นของครอบครัวไทย พร้อมโชว์ความโดดเด่นของความเป็น “Product of Thailand” โดยไฮไลท์สำคัญของปีนี้ คือ เปิดตัวผลิตภัณฑ์คุณภาพพรีเมี่ยมใหม่ล่าสุด ได้แก่ น้ำแกงมัสมั่นพร้อมปรุง น้ำแกงพะแนงพร้อมปรุง กะทิสำเร็จรูป พริกแกงใต้ ขนมจีนอบแห้ง เส้นหมี่อบแห้ง และผัดซีอิ้ว และยังนำเสนอผลิตภัณฑ์สำหรับผู้ประกอบการด้านการบริการจัดเลี้ยงโดยเฉพาะ เพื่อเพิ่มความสะดวกสบาย ช่วยลดต้นทุนและระยะเวลาในการบริหารจัดการและการจัดเตรียมอาหาร ทั้งยังสามารถนำไปต่อยอดพัฒนาธุรกิจ พร้อมทั้งมีทีมงานมืออาชีพเพื่อให้บริการการจัดงานเลี้ยงในรูปแบบต่างๆ และการพัฒนาผลิตภัณฑ์สำหรับการจัดเลี้ยง
นางสาวอิเนส ชาดอนเน่ต์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บลู สไปซ์ จำกัด ในเครือบลู เอเลเฟ่นท์ กล่าวว่า ในฐานะผู้ผลิตและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์แบรนด์ ‘บลู เอเลเฟ่นท์’ ยังคงมุ่งมั่นศึกษา วิจัย พัฒนา และสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ออกสู่ตลาดโลกอย่างต่อเนื่อง ด้วยความรักและหลงใหลในวัฒนธรรมอาหารไทย ควบคู่กับการปรับปรุงกระบวนการผลิต เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตให้มากขึ้น เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้น ทั้งในประเทศไทยและกว่า 45 ประเทศทั่วโลก อาทิ ไต้หวัน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และโปรตุเกส
นายเควิน โซ๊ะมณี รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท บลู สไปซ์ จำกัด กล่าวว่า “การออกบูธครั้งนี้ เราได้นำวัฒนธรรมแต่ละภูมิภาคของไทยตั้งแต่เหนือจรดใต้ มาผสมผสานเพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายและการเข้าถึงของอาหารไทย ไม่ว่าจะเป็นอาหารริมทางแบบดั้งเดิม อาหารฟิวชั่นที่ท้าทาย หรือเมนูที่คัดสรรมาอย่างประณีต ด้วยมุ่งมั่นที่จะสร้างประสบการณ์ที่ดีให้เกิดขึ้นใหม่ ทั้งการสร้างสรรค์เมนูพิเศษประจำภูมิภาค และเมนูที่ได้รับแรงบันดาลใจจากกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ซึ่งอาหารก็เปรียบเสมือนการเดินทางที่บอกเล่าเรื่องราววิถีชีวิตความเป็นอยู่ การย้ายถิ่นฐาน การแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และวิวัฒนาการของอาหาร ซึ่งสามารถเชื่องโยงมิตรภาพของคนทั่วโลก