xs
xsm
sm
md
lg

จับ 7 อาการ ! ที่บอกว่าควรเปลี่ยนแอร์ใหม่

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ฤดูร้อนปีนี้แม้ใกล้จะจบ เมื่อฤดูฝนกำลังจะเริ่มต้น 22 พฤษภาคมนี้ ทว่าระดับความร้อนไม่น่าจบลงง่ายๆ

เนื่องจากสภาพภูมิอากาศโลกที่เปลี่ยนแปลง (Climate Change) ทำให้ระดับอุณหภูมิ และดัชนีของอุณหภูมิ (ความร้อนที่รู้สึกสัมผัส) ยังคงระดับสูง อากาศร้อนอบอ้าวทั้งตอนกลางวันและกลางคืน

สำหรับการใช้งานเครื่องปรับอากาศ หรือแอร์ที่ใช้มานานแล้ว ย่อมเกิดอาการชำรุดต่าง ๆ เป็นธรรมดา เช่นเปิดแอร์แล้วไม่ค่อยเย็น หรือเครื่องดับไปเลย ยิ่งถ้าเราใช้อย่างไม่ระมัดระวัง อายุการใช้งานของแอร์ก็ยิ่งลดลง (ปกติแอร์จะมีอายุการใช้งานนานถึง 15 ปี) แต่ขึ้นอยู่กับสภาพของการใช้งานของคุณเองว่าใช้ทุกวันต่อเนื่องนานๆ ด้วยหรือไม่

หากใช้ทุกวันหรือเกือบทุกวัน แอร์ก็น่าจะมีอายุการใช้งานสูงสุดราว 15 ปี หากเครื่องเริ่มมีปัญหา หรือยังฝืนนานกว่านั้น อาจจะต้องเสียค่าซ่อมบำรุงและเสียค่าไฟเกินกว่าที่จำเป็น และก่อนที่แอร์จะเสีย หรือใช้งานไม่ได้ เราสามารถสังเกตจากอาการซึ่งจะบอกได้ว่าคุณควรเปลี่ยนเครื่องปรับอากาศใหม่ได้แล้ว

1.ใช้แอร์งานนานเกิน 10 ปี
แอร์เก่าที่ใช้มานาน ๆ จะเริ่มมีการเสื่อมสภาพลง ทำให้ประสิทธิภาพการทำงานลดลง และยังทำให้กินไฟเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย การใช้งานนานถึง 10 ปี ก็ถือว่าคุ้มแสนคุ้มแล้ว ฉะนั้นการเปลี่ยนแอร์ใหม่ที่มีประสิทธิภาพการทำงานที่ดีกว่า และยังได้เทคโนโลยี ฟังก์ชันใหม่ๆ มาใช้ในห้องของคุณได้อีก

2.แอร์ที่กินไฟมาก
ข้อนี้อาจจะสังเกตได้ยากกว่าสักหน่อย แต่ก็สามารถเช็คได้ว่าถ้าเป็นช่วงหน้าร้อนหรือช่วงที่เราเปิดแอร์บ่อย ๆ แล้วค่าไฟพุ่งขึ้นผิดปกติ ก็แปลว่า แอร์ของคุณเริ่มกินไฟแล้ว ถ้าไม่อยากให้แอร์กินค่าไฟมาก ๆ การเลือกแอร์ใหม่มาติดแทนนั้นสำคัญ คุณจะต้องเลือกแอร์ที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ด้วย ถ้าอยากได้ประหยัดกว่างเบอร์ 5 ก็ต้องเป็นแอร์อินเวอร์เตอร์ Inverter เป็นระบบที่ผลิตมาช่วยให้คุณได้ประหยัดไฟมากขึ้นสูงสุดถึง 40% และยังทำให้ยืดอายุการใช้งานนานอีกด้วย

3.คอมเพรสเซอร์เริ่มผุพัง
ฟังดูน่ากลัว แต่เป็นการสังเกตดูว่า แอร์นั้นถูกใช้งานมานานแล้วหรือยัง มีโอกาสเป็นไปได้ว่า คอมเพรสเซอร์ หคือ คอยบล์รอ้น จะมีการผุพัง หรือ ผุกร่อน เพราะต้องเจอทั้งแดด ทั้งฝน และอากาศที่เป็นพิษต่ออุปกรณ์ ทำให้แอร์ของเราเสื่อมได้ เราจึงควรเปลี่ยนแอร์ใหม่ โดยที่หากกลัวว่าแอร์ใหม่จะผุเหมือนแอร์เก่าแล้วล่ะก็ แนะนำให้เลือกแอร์ที่มีการเคลือบสารบลูฟินที่คอมเพรสเซอร์ สารตัวนี้จะช่วยป้องกันการกัดกร่อน ของกรดจากฝนหรือสารพิษจากอากาศได้ ทำให้ช่วยยืดอายุการใช้งานแอร์ได้อีก
4.แอร์ไม่เย็น
ข้อนี้สังเกตกันง่าย ๆ เลยว่า พอเปิดแอร์สักพัก แอร์เย็นเหมือนก่อนหรือไม่ แม้ว่าจะให้ช่างมาล้างแอร์ก็แล้ว หรือ น้ำยาแอร์รั่ว และช่างก็มาเติมแล้ว แต่ก็ยังไม่เย็นอีก เป็นไปได้ว่าแอร์เริ่มเก่าหรือหมดกำลังซะแล้ว ถึงเวลาที่จะต้องเปลี่ยนเป็นแอร์ใหม่จะคุ้มค่ากว่า
5.ซ่อมแอร์บ่อย
โดยปกติแล้วแอร์จะไม่ค่อยมีปัญหา หรือ เสียได้ง่าย ๆ แต่เมื่อไหร่ที่แอร์เริ่มต้องซ่อมบ่อยขึ้น ๆ เป็นการบ่งบอกว่าแอร์เริ่มป่วยหนักแล้ว ยิ่งบางทีการซ่อมแอร์หนึ่งครั้งก็เกือบจะซื้อแอร์ใหม่ได้เลย แบบนี้ละก็เปลี่ยนแอร์ใหม่ดีกว่ามาซ่อมแล้ว ซ่อมอีก และไม่รู้ว่าจะหายหรือเปล่า ดูที่ความคุ้มค่าเป็นหลักเลย
6.เปิดแอร์ที ดังถึงปากซอย
หลายคนคงเบื่อเวลาเปิดแอร์แล้ว เสียงดังมาแต่ไกลดังสามบ้านแปดบ้าน ซึ่งการเปิดแอร์แล้วมีเสียงดังมาก ๆ นั้น ก็เป็นอาการที่บ่งบอกว่าตัวคอมเพรสเซอร์ ควรได้รับการซ่อมบำรุงหรือเปลี่ยนใหม่ได้แล้ว
7.ค่าซ่อมแพงกว่า
เครื่องใช้ไฟฟ้า ค่าซ่อม ค่าอะไหล่ ส่วนมากจะเกือบ ๆ ค่าเครื่องใหม่แล้ว การที่เราจะให้ช่างซ่อมแอร์นั้น ก็ควรสอบถามค่าใช้จ่ายก่อนด้วย เพราะหลายครั้งซ่อมแอร์มาก็ไม่ได้เย็นเหมือนเก่า ดังนั้น การซื้อแอร์ตัวใหม่อาจจะคุ้มค่ากว่า แถมรับประกันว่าเย็นกว่าแน่นอน

ดังกล่าวนี้คือสัญญาณเตือนว่าควรเปลี่ยนแอร์ใหม่ได้แล้ว คุณสามารถประเมินเองได้ว่าถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะต้องเปลี่ยนแอร์ใหม่

อ้างอิง www.airdeeservice.com


กำลังโหลดความคิดเห็น