รศ.ดร.ปิยะชาติ ภิรมย์สวัสดิ์ Head of Research Unit in Finance and Sustainability in Disruption Era สถาบันบัณฑิตบริหารธุรกิจ ศศินทร์ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (Sasin School of Management) ได้รับการคัดเลือกเป็นหนึ่งในผู้ร่วมนำเสนอบนเวที TED 2023: Possibility “Leaping Boldly into New Global Realities” ที่ Vancouver ประเทศแคนาดา เมื่อเร็วๆ นี้ ซึ่งเวที Ted Talk นี้มี Speakers ที่น่าสนใจจากทั่วโลกมาร่วมงาน อาทิ Greg Brockman จาก Open AI Co-founder และ Shou Chew CEO ของ TikTok เป็นต้น
รศ.ดร.ปิยะชาติ ได้นำเสนอหัวข้อเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่สามารถช่วยให้ผู้สูงวัยก้าวข้ามอุปสรรคทั้งร่างกาย จิตใจ และสังคมในการจ้างงาน โดยคนส่วนใหญ่มองว่า จำนวนผู้สูงวัยที่เพิ่มมากขึ้นเป็นปัญหาของประเทศ ส่งผลกระทบต่อการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม ต่อไปจะมีแต่คนไปโรงพยาบาล ไม่มีคนทำงาน มีแต่ค่าใช้จ่ายทางด้านสุขภาพ มองแต่เรื่องลบๆ แต่สำหรับ รศ.ดร.ปิยะชาติ สื่อสารออกไปในมุมตรงกันข้าม
How to unlock ทำอย่างไรที่เราจะคิดให้เป็นเรื่องบวกได้ การทำงานเป็นปัจจัยสำคัญในการดำเนินชีวิต หากว่าวันหนึ่งเราไม่มีงานทำ หรือเราทำงานไม่ได้ก็จะส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตเป็นอย่างมาก การทำงานเป็นหนึ่งในโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่ได้แบบปกติ เพราะการมีรายได้เพื่อหาเลี้ยงตัวเอง เลี้ยงครอบครัวเป็นส่วนสำคัญต่อการดำรงชีวิตอย่างปกติของคนบนโลกที่มีจำนวนมหาศาล
เมื่อพูดถึงการทำงานของผู้สูงวัย หากถึงวันหนึ่งที่ผู้สูงวัยเหล่านั้นไม่มีงานทำหรือมีสิ่งหนึ่งสิ่งใดมาเป็นข้อจำกัดในการทำงาน เพราะเป็นความเชื่อของคนทั่วโลกที่ว่าผู้สูงวัยไม่สามารถทำงานได้ ไม่มีศักยภาพเพียงพอในการทำงานหรือค่าจ้างในการจ้างงานคนสูงวัยสูงกว่าคนรุ่นใหม่ ถือว่าเป็นการปิดโอกาสผู้สูงวัยในการทำงาน โดยในปี ค.ศ.2050 บนโลกนี้จะมีผู้สูงวัย สองพันล้านคน และจำนวน 80 เปอร์เซ็นต์ของผู้สูงวัยส่วนใหญ่จะอยู่ในประเทศกำลังพัฒนาและด้อยพัฒนา
เพราะฉะนั้นในประเทศเหล่านี้จะมีผู้สูงวัยจำนวนมากที่ไม่มีเงินใช้จ่าย นั่นหมายถึงคุณภาพชีวิตของผู้สูงวัยในประเทศเหล่านี้ไม่มีคุณภาพที่ดีพอ เพราะมีเงินออมไม่พอ และโครงสร้างทางสังคมทั่วโลกจะกดดันและบีบคั้นให้ผู้สูงวัยเหล่านี้ไม่มีโอกาสทำงาน ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงกับชีวิตของ ผู้สูงวัย
นอกจากนี้ บนเวที Ted Talk ที่แคนาดา รศ.ดร.ปิยะชาติ ยังได้พูดถึงการที่สังคมหรือบางองค์กร
ไม่ให้ความสำคัญกับผู้สูงวัย โดยคิดว่ามีศักยภาพและประสิทธิภาพน้อย หรือบางครั้งก็มีการ Early Retire เพราะคิดว่าค่าจ้างในการทำงานแพง ในความคิดเห็นของ รศ.ดร.ปิยะชาติ มีความเสียดายประสบการณ์ องค์ความรู้ในการทำงานที่สะสมมายาวนาน โดยคิดว่าบางลักษณะงานต้องอาศัยประสบการณ์ของผู้สูงวัยเหล่านี้เพื่อสนับสนุนการทำงานให้เป็นไปได้ด้วยดี การนำเสนอไอเดียในครั้งนี้เพื่อจุดประกายให้มองกลับมาใหม่ว่าผู้สูงวัยมีคุณค่ากับสังคมมากกว่าที่เคยมองกันมาก่อนหน้านี้
รศ.ดร.ปิยะชาติ มองว่าควรนำ Senior Employment Technology มาทำให้ผู้สูงวัย transform
กลับมาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นโดยไม่ให้ติดอุปสรรค ยกตัวอย่างเช่น
คนเมื่อห้าหกร้อยปีก่อนไม่มีแว่นตา ซึ่งคิดว่าน่าจะลำบากในการทำงานหรือการใช้ชีวิต เมื่อเรามีแว่นสายตาปัญหาก็จบ เช่นเดียวกันถ้าเรามีเทคโนโลยีที่จะมาช่วยการทำงานให้กับผู้สูงวัย อุปสรรคต่างๆ ก็จะหายไป ก็จะไม่มีใครมีความคิดว่าผู้สูงวัยทำงานไม่ได้
ที่ผ่านมาเรามีเทคโนโลยีช่วยผู้สูงวัยในวัยเกษียณหรือผู้สูงวัยที่รักษาตัวในโรงพยาบาล
แต่เรายังไม่มีเทคโนโลยีที่จะช่วยสนับสนุนให้ผู้สูงวัยสามารถกลับไปทำงานได้ปกติ
โดยที่ผ่านมาประเทศที่พัฒนาแล้วจะมีเทคโนโลยีช่วยให้ผู้สูงวัยกลับเข้ามาทำงานได้อยู่บ้าง
แต่สำหรับประเทศกำลังพัฒนาและด้อยพัฒนายังไม่มีเทคโนโลยีเหล่านี้เลย ดังนั้นเทคโนโลยีที่ว่านี้ต้องได้รับความสนใจ โดยหาวิธีหรือสร้างเทคโนโลยีขึ้นมาเพื่อให้เหมาะสมกับการใช้งานของคนในประเทศนั้นๆ ที่ราคาไม่แพง เข้าถึงง่าย
อุปสรรคของผู้สูงวัยในการทำงานหลักๆ มี 3 ด้าน
1.อุปสรรคทางด้านร่างกาย เช่นร่างกายไม่เอื้อต่อการทำงาน เช่นการยกของหนัก ซึ่งเรื่องนี้เทคโนโลยีช่วยได้ หรืออาชีพบางอย่างที่ต้องยืนนานๆ หรือนั่งนานๆ ก็อาจจะต้องมีเทคโนโลยีที่ช่วยให้ผู้สูงวัยมีความสะดวกในการทำงานได้มากขึ้น นอกจากนั้นยังมีผู้สูงวัยที่เป็นอาสาสมัครในงานเพื่อสังคมโดยนำประสบการณ์ ความรู้ไปแบ่งปัน ซึ่งถือว่ามีคุณค่าต่อสังคม
2.อุปสรรคทางด้านการเดินทางไปทำงานของผู้สูงวัย ซึ่งการเดินทางอาจใช้เวลานานหรือการเดินนานๆ หรือการที่รถติดนานๆ ล้วนเป็นอุปสรรคของผู้สูงวัย ทำไมเราไม่ลองคิดว่ามีงานจำนวนมหาศาลที่สามารถทำงานได้จากที่บ้านโดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง โดยเห็นได้จากสถานการณ์โควิดที่ผ่านมาเราสามารถทำงานจากที่บ้านได้โดยไม่มีสิ่งใดติดขัด ทำไมเราไม่นำสิ่งเหล่านั้นมาปรับการจ้างงานของผู้สูงวัยได้ มีงานที่สามารถทำจากที่ไหนก็ได้โดยไม่จำเป็นต้องเข้ามาทำงานที่ออฟฟิศ ในเหตุการณ์โควิดได้พิสูจน์สิ่งเหล่านี้มาแล้ว และการปรับวิธีคิดการทำงาน สามารถช่วยให้ผู้สูงวัยกลับเข้ามาทำงานหลังจากเกษียณได้จำนวนไม่น้อย ซึ่งระบบ Remote Working
จะตอบโจทย์เรื่องนี้ได้
3.อุปสรรคทางสมอง ทางความจำ ซึ่งต้องยอมรับว่า ผู้สูงวัยไม่สามารถจำเรื่องใหม่ๆ ได้เยอะเท่าเด็กรุ่นใหม่ การปรับตัวตามเทคโนโลยีอาจไม่ได้เร็ว หรือความคล่องตัวในบางอย่างอาจลดลง
ทำไมเราไม่ใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยจำหรือช่วยไกด์วิธีการใช้งาน หรือบางงานใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้งานบางอย่างรวดเร็วขึ้น เพื่อให้ผู้สูงวัย ใช้ทักษะ ประสบการณ์ทางด้านอื่นๆ ในการทำงานได้
สิ่งที่เราขาดคือขาดเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับบริบทของประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งถ้าสิ่งเหล่านี้จุดประกายให้หลายๆ ภาคส่วนเข้ามาร่วมมือกันเพื่อเกิดการพัฒนาในส่วนต่างๆ เพื่อช่วยสนับสนุนให้ผู้สูงวัยสามารถกลับเข้ามาทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความพร้อม เช่นเรื่องซอฟท์แวร์ เอ็นจิเนียริ่ง นักวิศวกร ร่วมมือกับนักลงทุน และเชื่อว่าการพัฒนาในส่วนนี้จะมีตลาดรองรับ และตลาดจะใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ผู้สูงวัยที่ต้องการทำงานอาจจะเป็นเรื่องของการเงิน หรือบางส่วนอาจเป็นเรื่องของคุณค่าในตัวเอง
ในอนาคตผู้สูงวัยทั่วโลกจะมีจำนวนมหาศาล และยังมีส่วนขับเคลื่อนการทำงานเศรษฐกิจและสังคมได้ โดยเป็นทรัพยากรที่มีความรู้ มีประสบการณ์ มีค่ากับประเทศ เพิ่มผลผลิตทางเศรษฐกิจและสังคม และไม่เป็นภาระกับประเทศอย่างที่คิดกัน และยังช่วยลดภาระทางการเงินของประเทศได้อย่างมาก
สำหรับผู้ที่สนใจกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวกับผู้สูงวัย ไม่ว่าจะเป็นผู้สูงวัยเอง ผู้สูงวัยในอนาคต
ผู้ที่มีความรู้เกี่ยวกับการพัฒนาเทคโนโลยี ผู้ที่กำลังหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ หรือนักลงทุนที่ต้องการช่วยสังคม สามารถติดตามกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นได้ทาง https://www.sasin.edu
หรือ https://www.facebook.com/sasinschoolofmanagement เพื่อร่วมเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนสังคมในด้านนี้