บริษัท ดิ เอสเตท (ไทยแลนด์) จำกัด โดย MQDC และโคโกะเพย์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทฟินเทคของคนไทยที่มีสำนักงานใหญ่และสาขาอยู่ในประเทศอังกฤษและยุโรป ได้จัดพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงร่วมกัน (MoU) โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขยายตลาดไปยังกลุ่มลูกค้าคนไทยกว่า 1 ล้านคนที่อาศัยอยู่ในต่างประเทศ อาทิ อังกฤษ เยอรมนี ฝรั่งเศส สวิตเซอร์แลนด์ คณะมนตรีความร่วมมือรัฐอ่าวอาหรับ (GCC) รวมถึงประเทศอื่นๆ ในยุโรป
ดร.นริสา เชื้อวิดุล-ออ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และผู้ก่อตั้งบริษัทโคโกะเพย์ บริษัทฟินเทคของคนไทยที่มีสำนักงานใหญ่และสาขาอยู่ในประเทศอังกฤษและยุโรป กล่าวว่า เพื่อช่วยให้คนไทยในต่างประเทศมีโอกาสซื้อสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และประหยัดมากขึ้น จึงได้ร่วมมือกับ บริษัทดิ เอสเตทฯ ซึ่งให้บริการด้านการให้คำปรึกษา แนะนำรวมถึงส่งเสริม ด้านการลงทุน การขาย และการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร ได้ร่วมกันจัดทำโครงการ “ชวนคนไทยกลับบ้าน” เพื่อขยายตลาดและเพิ่มโอกาสไปยังลูกค้าคนไทย ที่อาศัยอยู่ในประเทศอังกฤษและประเทศในสหภาพยุโรปมากกว่า 1 ล้านคน ได้เข้าถึงอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย โดยเฉพาะกลุ่มคนไทยที่ประสงค์จะกลับมาเกษียณที่ประเทศไทยด้วยการออมเงินผ่านการลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ในไทยเพื่อวางแผนเกษียณล่วงหน้า
โคโกะเพย์จะร่วมมือกับ MQDC ด้วยการมอบบริการด้านการโอนเงินและทำธุรกรรมทางการเงินที่สะดวก รวดเร็ว และประหยัดให้กับลูกค้าของ MQDC ที่อยู่ในอังกฤษ ยุโรป และตะวันออกกลางในอนาคต รวมถึงโคโกะเพย์จะร่วมดำเนินงานด้านการตลาดในโครงการต่างๆ ของ MQDC อีกด้วย
ดร.เนตรนภิศ สุขบาง-ไนดู ประธานผู้อำนวยการ บริษัท ดิ เอสเตท (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า ความร่วมมือระหว่างกันครั้งนี้จะช่วยแก้ปัญหาของลูกค้าคนไทย ที่มีความประสงค์จะซื้ออสังหาฯ ในประเทศไทย ให้มีความคล่องตัวในการทำธุรกรรมกับบริษัทฯ มากขึ้น รวมทั้งจะได้ร่วมกันจัดทำโครงการด้านการส่งเสริมการขายเพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้ากลุ่มคนไทยได้เข้าถึงอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย เป็นการช่วยกระตุ้นระบบเศรษฐกิจโดยรวมในไทยให้คึกคักมากขึ้น ซึ่งจากแนวโน้มของลูกค้าในต่างประเทศ รวมถึงปัญหาค่าครองชีพที่สูงขึ้นตลอดจนความผันผวนด้านการเงินในยุโรป ส่งผลให้คนไทยในต่างประเทศ มองหาช่องทางการลงทุนรองรับยามเกษียณด้วยการเป็นเจ้าของ หรือการลงทุนปล่อยเช่าที่อยู่อาศัย การเช่าเพื่อพำนักแบบถาวร ซึ่งรูปแบบของธุรกิจอสังหาฯ ในไทยยังมีช่องว่างและความได้เปรียบหลายประการที่น่าสนใจ รวมทั้ง จุดแข็งด้านการท่องเที่ยวและมรดกทางวัฒนธรรมพร้อมทำเลที่ตั้ง สภาพภูมิอากาศ ค่าครองชีพ อาหารการกิน ความปลอดภัยและ ความเป็นมืออาชีพในด้านบริการสุขภาพที่เป็นที่ยอมรับในระดับโลก ล้วนเป็นปัจจัยที่ดึงดูดให้ลูกค้าคนไทยและครอบครัวในต่างประเทศให้ความสนใจที่จะกลับมาลงทุนและกลับมาอยู่อาศัยในไทยมากขึ้น