กรณีสารกัมมันตรังสีซีเซียม-137 หายไปจากโรงไฟฟ้าในจังหวัดปราจีนบุรี และตรวจพบสารปนเปื้อนชนิดเดียวกันนี้ไปอยู่ที่โรงงานหลอมเหล็กในรูปแบบฝุ่นโลหะ เมื่อเร็วๆ นี้
ดิฉันได้เสนอที่ประชุม ครม.ว่าต้องแก้ต้นเหตุ เข้มงวดผู้รับใบอนุญาต ต้องเปิดเผยข้อเท็จจริงอย่างตรงไปตรงมา เพื่อป้องกันอันตรายต่อชีวิต ส่วนตอนนี้เป็นการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าให้โรงเรียนในพื้นที่เสี่ยงสังเกตอาการเด็ก หากผิดปกติรีบพบแพทย์
ทุกคนอยากเห็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ต้องการให้เกิดมาตราการที่เข้มงวด ชัดเจน และเริ่มตั้งแต่ต้นทาง คือ การควบคุมสารกัมมันตรังสีจะต้องมีการตรวจเช็คอยู่ตลอดเวลา ต้องไม่มีการสูญหาย หรือกรณีที่เกิดสูญหายขึ้นมา ระหว่างทางต้องมีการตรวจสอบให้ชัดเจนว่าพื้นที่ไหน สถานที่ไหน และบุคคลไหนเกี่ยวข้องและมีความเสี่ยงบ้าง
แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขณะนี้ขบวนการทำงานของภาครัฐไปมุ่งเน้นที่ปลายเหตุ เช่น ไปตรวจสอบซีเซียมยังไม่ฟุ้งกระจายในอากาศ ยังไม่พบปริมาณรังสีในคนงาน เป็นต้น
รวมไปถึงผู้ที่ได้รับใบอนุญาตครอบครอง หรือใช้สารกัมมันตรังสีต้องมีมาตรการที่เข้มงวดในการตรวจตราสารกัมมันตรังสีที่ใช้ไม่ให้เกิดการสูญหาย และหากตรวจพบว่าสูญหายต้องมีมาตรการหรือแผนเผชิญเหตุว่าจะกระจายไปที่ไหนอย่างไรจากการเคลื่อนย้าย และต้องให้ข้อมูลที่ชัดเจนกับประชาชน เพื่อให้เขาได้รู้เข้าเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงหรือเปล่า เพราะคุณสมบัติของสารกัมมันตรังสี คือ มีครึ่งชีวิต (Half Life) ที่ยาวนานเป็นเวลา 30 ปี และอยู่ได้นับ 100 ปี เพราะฉะนั้นมีอันตรายมากหากไม่สามารถตรวจสอบได้
“ปัญหาที่เกิดขึ้น ทุกคนไปมองที่ปลายเหตุหมด เพราะฉะนั้นภาครัฐ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องมีมาตราการที่เข้มงวดไม่เฉพาะกรณีซีเซียม-137 แต่รวมถึงสารกัมมันตรังสีที่มีอันตรายทั้งหมด เริ่มต้นตั้งแต่ผู้ที่รับใบอนุญาตมา และวันนี้ที่ซีเซียม-137 สูญหายระหว่างทางจนไปถึงโรงหลอม ระหว่างทางไปตรงไหนบ้าง ต้องตรวจสอบให้หมด ไม่ใช่ไปดูแค่ปลายทางว่าพบแล้ว และยังไม่มีผู้ได้รับอันตราย ดังนั้นย้ำว่าอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นรัฐหรือเอกชนต้องให้ความสำคัญกับต้นเหตุ และต้นตอให้มากที่สุด”
ดิฉัน ห่วงใยในความปลอดภัยของนักเรียน ผู้ปกครอง ครู บุคลากรทางการศึกษา ที่อาศัยอยู่ในบริเวณพื้นที่เสี่ยง ให้มีการสังเกตการณ์ตัวเอง ถ้ามีอาการผิดปกติ เช่น อาเจียน หรือท้องเสีย อย่าได้ประมาทจะต้องสงสัยไว้ก่อน ให้รีบไปพบแพทย์ในทันที และอยากเสนอว่าโรงเรียนที่อยู่ในระหว่างเส้นทางและอยู่ใกล้กับโรงหลอมเหล็กควรมีมาตราการที่ให้เด็กทุกคนได้ตรวจร่างกายเป็นการเฉพาะ เพราะหากสัมผัสซีเซียม-137 อาจจะไม่มีผลต่อร่างกายที่ชัดเจนในช่วงเวลาสั้น ๆ แต่ในระยะยาวอาจส่งผลให้เกิดโรคมะเร็งและเสียชีวิตได้
และในฐานะเป็นนักนิวเคลียร์ ฟิสิกส์ ดิฉันรู้ถึงความร้ายแรงของสารกัมมันตรังสี ถึงแม้สารกัมมันตรังสีนั้นจะมีประโยชน์มากมาย แต่โทษที่อาจเกิดขึ้นจากรังสีนั้นก็มีมากและหลายระดับ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณ ชนิดและระยะเวลาที่ได้รับรังสี ดังนั้นผู้ที่เป็นผู้อนุญาตและผู้ที่นำไปใช้จึงต้องมีความรับผิดชอบอย่างมาก
บทความโดย
ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ