xs
xsm
sm
md
lg

ตัวนิ่ม สัตว์ป่าถูกล่ามากที่สุดในโลก สถานะอนุรักษ์ยังมืดมน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



วันลิ่นโลก หรือ วันตัวนิ่มโลก (World Pangolin Day) ตรงกับวันที่ 18 กุมภาพันธ์ของทุกปี เป็นวันที่นักอนุรักษ์ต้องการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ถูกล่ามากที่สุดในโลก ว่าใกล้สูญพันธุ์เข้าไปทุกทีเพราะมนุษย์

ชะตากรรมของประชากรลิ่น หรือตัวนิ่ม ล่าสุดยังสุ่มเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มาก จำนวนพวกมันที่ลดลงอย่างรวดเร็วในเอเชียและแอฟริกา เนื่องจากมีความต้องการเกล็ดจำนวนมากเพื่อใช้ในยาแผนโบราณบางชนิด และเนื้อตัวนิ่มยังถือเป็นเมนูอาหารอันโอชะในบางวัฒนธรรม


Clip Cr.africanews

สหภาพนานาชาติเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ (IUCN) ประเมินให้ตัวนิ่ม 3 สายพันธุ์ มีสถานะที่ใกล้ความเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์มากยิ่งขึ้น

จากตัวนิ่มทั้งหมด 8 สายพันธุ์ หนึ่งในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ตกเป็นเครื่องมือทางการค้าของมนุษย์มากที่สุด โดยล่าสุดตัวนิ่มสายพันธุ์แอฟริกัน 2 สายพันธุ์ คือ ลิ่นต้นไม้ท้องดำ (Phataginus tricuspis) และลิ่นยักษ์ (Smutsia gigantea) ถูกปรับสถานะจาก “สิ่งมีชีวิตที่เกือบอยู่ในข่ายใกล้การสูญพันธุ์” เป็น “สิ่งมีชีวิตที่ใกล้การสูญพันธุ์”

และในสายพันธุ์เอเชีย ลิ่นฟิลิปปินส์ (Manis culionensis) ถูกปรับจาก “สิ่งมีชีวิตที่ใกล้การสูญพันธุ์” เป็น “สิ่งมีชีวิตที่มีความเสี่ยงขั้นวิกฤติต่อการสูญพันธุ์”

ทุกสายพันธุ์ ถูกมนุษย์คุกคามจนสถานะของแต่ละสายพันธุ์เลวร้ายลงเรื่อย ๆ ปัจจุบันจัดเป็นสัตว์ป่า ประเภทสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมที่ถูกมนุษย์ล่ามากที่สุดในโลก ซึ่ง 3 ใน 4 ของตัวนิ่มสายพันธุ์เอเชีย ประกอบด้วย ลิ่นจีน, ลิ่นซุนดา, (พบได้ในประเทศไทยและมีสถานะเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช 2535) และลิ่นฟิลิปปินส์ ถูกระบุให้เป็น “สิ่งมีชีวิตที่มีความเสี่ยงขั้นวิกฤตต่อการสูญพันธุ์” ส่วน ลิ่นอินเดีย อยู่ในลำดับ “สิ่งมีชีวิตที่ใกล้การสูญพันธุ์”

ทางฟากของตัวนิ่มแอฟริกาทั้ง 4 สายพันธุ์ อันประกอบด้วย ลิ่นเทมมิค ลิ่นต้นไม้ท้องดำ ลิ่นต้นไม้ท้องขาว และลิ่นยักษ์ ก่อนหน้านี้ทั้ง 4 สายพันธุ์มีสถานะ “สิ่งมีชีวิตที่เกือบอยู่ในข่ายใกล้การสูญพันธุ์” เป็น “สิ่งมีชีวิตที่มีความเสี่ยงขั้นวิกฤตต่อการสูญพันธุ์” ขณะเดียวกัน ไม่มีสายพันธุ์ไหนที่ถูกประเมินให้อยู่ในสถานะที่ดีขึ้น

ผู้เชี่ยวชาญระบุมูลเหตุของการปรับสถานะครั้งนี้ว่า การลดลงของตัวนิ่มอาจมีที่มาจากการสูญเสียถิ่นที่อยู่อาศัยเพราะผืนป่าถูกบุกรุกและถูกล่าเพื่อสนองความต้องการบริโภคในตลาดเนื้อสัตว์

“นี่เป็นข่าวที่น่ากลัวอย่างมาก แต่ก็ไม่น่าแปลกใจสักเท่าไหร่ที่ตอนนี้มีสายพันธุ์ของตัวนิ่มทั้ง 3 ชนิด ถูกจำแนกอย่างเป็นทางการว่าเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์และใกล้สูญพันธุ์อย่างยิ่ง”
Audrey Delsink ผู้อำนวยการสัตว์ป่าแอฟริกาแห่ง Humane Society International กล่าว

เกล็ดของตัวนิ่ม ซึ่งสารประกอบส่วนใหญ่เป็นเคราตินคล้ายกับเล็บของมนุษย์ เป็นที่ต้องการอย่างมากในตลาดเอเชีย มีประเทศจีนและเวียดนามเป็นแหล่งที่ค้าขายลำดับต้นๆ ตามความเชื่อที่ยังเข้าใจว่าเกล็ดของตัวนิ่มมีคุณสมบัติเป็นยา สามารถบำรุงสตรีที่มีประจำเดือน กระตุ้นการให้นมบุตร และการรักษาโรคไขข้ออักเสบ (แม้นักวิทยาศาสตร์ยืนยัน ไม่พบคุณสมบัติทางยาในเกล็ดของตัวนิ่ม)

ในแอฟริกา มีการประเมินว่า ในหนึ่งปีอาจมีตัวนิ่มในป่าแอฟริกาถูกล่าถึง 400,000 ตัว เพื่อถูกส่งต่อไปยังไปทางที่ประเทศจีน และเพื่อนำเกล็ดไปใช้ไปทำเป็นยารักษาโรคตามที่อ้าง รวมถึงการส่งขายเนื้อไปยังภัตตาคาร

แม้ว่าตั้งแต่ปี 2559 ประเทศต่างๆ ทั่วโลกเคยร่วมกันเสนอให้ตัวนิ่มทั้ง 8 ชนิด เป็นสัตว์ที่ห้ามมีการค้าขายตามอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศซึ่งชนิดสัตว์ป่าและพืชป่าที่ใกล้สูญพันธุ์ ทว่าการค้าตัวนิ่มก็ยังดำเนินต่อไปอย่างไม่มีที่ท่าว่าจะลดน้อยลงจวบทุกวันนี้

ปัจจุบัน นักวิจัยยังไม่ทราบถึงรายละเอียดเชิงลึกของสิ่งมีชีวิตชนิดนี้สักเท่าใด เนื่องจากตัวนิ่มเป็นสัตว์ที่ออกหากินในเวลากลางคืน ทำให้สำรวจและวิจัยได้ยาก ซึ่งเป็นผลให้ไม่มีข้อมูลเชิงปริมาณถึงสถานะของตัวนิ่มในป่ามากนัก แต่จากข้อมูลที่แน่ชัด นักอนุรักษ์ต่างทราบดีว่า ตัวนิ่ม กำลังอยู่วังวนการค้าสัตว์ป่าอย่างผิดกฎหมายที่กระจายอยู่ในตลาดทั่วโลก

ข้อมูลอ้างอิง
https://www.seub.or.th/bloging/news/global-news/
https://redpandanetwork.org/post/World-Pangolin-Day-2023


กำลังโหลดความคิดเห็น