เดินหน้าแก้ปัญหาท้าทาย “กรุนด์ฟอส” แนะการใช้นวัตกรรมเพื่อจัดหาน้ำได้อย่างเพียงพอ ยั่งยืนและประหยัดพลังงาน พร้อมโซลูชันเพื่อช่วยเหลือพื้นที่เสี่ยงในช่วงขาดแคลนน้ำ เผยโครงการเพื่อการจัดหาน้ำที่สะอาดและปลอดภัยสำหรับชุมชนที่ไม่สามารถเข้าถึงน้ำสะอาดตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ ย้ำการหมุนเวียนคือหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้มั่นใจว่าเรากำลังจัดการปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับน้ำได้อย่างยั่งยืน
ปัญหาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำมี 2 ด้าน คือ การขาดแคลนน้ำและการมีปริมาณน้ำมากเกินไป ซึ่งในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ปัญหาทั้ง 2 ด้าน ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยอย่างมาก หลายปีที่ผ่านมา ประเทศไทยต้องเผชิญกับปัญหาน้ำท่วมอย่างรุนแรง จากข้อมูลของกรมอุตุนิยมวิทยาพบว่า ปริมาณน้ำฝนในช่วงวันที่ 1 มกราคม ถึง 25 กันยายน สูงกว่าค่าเฉลี่ยถึง 24% ในต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา มีการประเมินว่า พื้นที่การเกษตรราว 1.2 ล้านไร่ ใน 72 จังหวัดจะประสบปัญหาน้ำท่วม โดยบ้านเรือนกว่า 82,000 หลังคาเรือน ใน 510 อำเภอ ได้รับความเสียหาย ในทางกลับกัน สองปีก่อนหน้านี้ ประเทศไทยกลับประสบปัญหาภัยแล้งที่รุนแรงที่สุดในรอบ 40 ปี ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อภาคการเกษตร ภัยแล้งที่รุนแรงทำให้ข้าว และข้าวโพด มีผลผลิตลดลงอย่างมาก ส่งผลให้เศรษฐกิจในภาคเกษตรกรรมในไตรมาสแรกของปี 2563 มีการขยายตัวในอัตราส่วนที่ลดลงถึง 4.8%
สำหรับปัญหาการขาดแคลนน้ำจากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นในทุกภาคส่วน เนื่องจากการเติบโตอย่างรวดเร็วของสังคมเมือง การพัฒนาทางเศรษฐกิจ และจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น ปัญหานี้ยังทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นจากภัยแล้งและน้ำท่วมที่เกิดจากภาวะโลกร้อนและการตัดไม้ทำลายป่า ข้อสำคัญของสิ่งที่เกิดขึ้นตามมาจากการใช้น้ำที่เพิ่มขึ้น คือ “น้ำเสีย” ไม่ว่าจะเป็นการใช้สารเคมีในภาคเกษตรกรรม น้ำเสียจากภาคอุตสาหกรรม และน้ำเสียที่ไม่ได้ผ่านการบำบัดที่ไหลลงสู่ทางน้ำหลายแห่งในประเทศไทย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีการตรวจสอบคุณภาพน้ำอย่างใกล้ชิด
ปัญหาเกี่ยวกับน้ำเหล่านี้ต่างมีความท้าทายไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน เนื่องจากน้ำเป็นองค์ประกอบสำคัญในการใช้ชีวิตของเรา ผลกระทบจากปัญหาดังกล่าวจึงฝังรากลึกและส่งผลกระทบในวงกว้าง และจำเป็นจะต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วนจากทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจ และภาคประชาชน
นายริก ฮอลแลนด์ หัวหน้าธุรกิจ Water Utilities ประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก และผู้อำนวยการ ประเทศออสเตรเลีย ของบริษัท กรุนด์ฟอส มองว่า เป้าหมายในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในระยะสั้น และระยะกลาง คือการป้องกันและบรรเทาน้ำท่วมฉับพลัน การปรับปรุงความสามารถในการระบายน้ำ และการเพิ่มขีดความสามารถในการบริหารจัดการน้ำ โดยแนวทางที่สามารถนำมาพิจารณา ได้แก่ การเพิ่มประสิทธิภาพกลไกการกักเก็บน้ำ การขุดลอกคูคลอง การติดตั้งสถานีสูบน้ำเพิ่มเติม และการซ่อมแซมฝายกั้นน้ำ
“บ่อยครั้งที่เราพบว่าปัญหาที่ความท้าทายอย่างยิ่งใหญ่สำหรับหน่วยงานส่วนท้องถิ่นในการก่อสร้างสถานีสูบน้ำ ซึ่งประกอบด้วยประตูกั้นน้ำและบ่อกักเก็บน้ำ คือการจัดหาพื้นที่สำหรับติดตั้ง หนึ่งในวิธีแก้ปัญหาได้แก่การติดตั้ง “ปั๊มเกต” (pump gate) ที่รวมประตูกั้นน้ำและแกนปั๊มน้ำบนทางน้ำผ่านไว้ด้วยกัน จึงช่วยลดปัญหาน้ำท่วมได้โดยไม่ต้องใช้พื้นที่เพิ่มเติม”
“ตัวอย่างเช่น ประเทศเพื่อนบ้านอย่างอินโดนีเซียที่ประสบปัญหาน้ำท่วมในรูปแบบต่าง ๆ คล้ายกับประเทศไทย ในปี 2556 กรุนด์ฟอสได้ร่วมงานกับกระทรวงโยธาธิการและการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ของอินโดนีเซีย เทศบาลเมืองเซอมารัง และพันธมิตรอื่นๆ เพื่อติดตั้งปั๊มเกตในเซอมารัง เมืองใหญ่อันดับ 5 ของอินโดนีเซีย ซึ่งประสบปัญหาน้ำท่วมมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปัจจุบันประชาชนในพื้นที่ที่เคยมีน้ำท่วมบ้านและท้องถนนไม่ต้องเผชิญกับปัญหาดังกล่าวอีกต่อไป”
นอกจากนี้ เทคโนโลยีดิจิทัลได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการต่อสู้กับปัญหาน้ำท่วมเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพยากรณ์น้ำท่วม และการก้าวนำปัญหาน้ำท่วมขังหนึ่งก้าวนี้ ทำให้รัฐบาลและประชาชนสามารถลดความเสียหายและความขัดข้องที่เกิดจากน้ำท่วมได้ บรรดานักวิจัยและบริษัทต่างๆ กำลังดำเนินการเพื่อปรับปรุงความแม่นยำในการพยากรณ์ เพื่อให้สามารถรู้ล่วงหน้าได้ว่าจะเกิดน้ำท่วมที่ไหน เมื่อไร มีปริมาณน้ำเท่าใด และจะท่วมนานแค่ไหน
ในส่วนของการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำ หลักการสำคัญคือลดการอุปโภค ปรับปรุงประสิทธิภาพน้ำ และส่งเสริมการหมุนเวียนน้ำให้นำกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเมื่อปี 2558 กรุนด์ฟอสได้ร่วมมือกับสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง จัดทำโครงการเพื่อเพิ่มการเข้าถึงน้ำสะอาดในพื้นที่ชนบทของไทย ในการปรับปรุงคุณภาพน้ำจากแม่น้ำและแหล่งน้ำผิวดินให้เป็นน้ำดื่มสำหรับประชาชน 30,000 คน ใน 15 หมู่บ้าน
อีกหนึ่งวิธีช่วยพื้นที่ประสบภัยแล้งในช่วงขาดแคลนน้ำ คือ การใช้ประโยชน์จากพลังงานแสงอาทิตย์ในการสูบน้ำ เนื่องจากประเทศไทยตั้งอยู่ในสภาพภูมิอากาศเขตร้อน จึงมีศักยภาพด้านพลังงานแสงอาทิตย์อย่างมากโดยเฉพาะภาคใต้และภาคเหนือ เครื่องปั๊มน้ำพลังงานแสงอาทิตย์แบบจุ่มมีประโยชน์อย่างมากในพื้นที่ห่างไกลหรือชนบทที่ขาดแคลนน้ำและไฟฟ้ายังเข้าไม่ถึงหรือการจ่ายไฟไม่สม่ำเสมอ
และสุดท้ายคือเรื่องคุณภาพน้ำ การป้องกันไม่ให้เกิดมลภาวะทางน้ำมีประสิทธิผลกว่าการบำบัดน้ำที่มีการปนเปื้อนอย่างมาก ดังนั้นการควบคุมมลพิษตั้งแต่แหล่งกำเนิด การจัดเก็บ และการบำบัดน้ำเสียจึงถือเป็นหัวใจสำคัญ ประเทศไทยตั้งเป้าหมายเพื่อปรับปรุงการบำบัดน้ำเสียอย่างมีนัยสำคัญด้วยการติดตั้งระบบบำบัดน้ำเสียในระดับท้องถิ่นเพิ่มขึ้นกว่า 700 ชุดภายในปี 2580 จากปัจจุบันที่มีระบบบำบัดดังกล่าวติดตั้งในพื้นที่ส่วนกลางประมาณ 100 ชุด มีกำลังการบำบัดน้ำเสียรวมประมาณ 2.7 ล้าน ลูกบาศก์เมตรต่อวัน หรือคิดเป็น 27% ของปริมาณน้ำเสียทั้งหมดจากท้องที่ต่างๆ
นายริก ย้ำว่า สิ่งที่พึงตระหนัก คือ ไม่มีแนวทางใดที่จะสามารถแก้ไขได้ครบทุกปัญหา แต่ละภูมิภาค แต่ละเมือง หรือแม้กระทั่งในระดับหมู่บ้านต่างมีความท้าทายด้านการจัดการน้ำที่เฉพาะตัว ดังนั้นแนวทางการแก้ไขแต่ละปัญหาต้องคำนึงจากความเข้าใจอย่างถ่องแท้และการวิเคราะห์ประเด็นปัญหาของแต่ละท้องถิ่นจึงจำเป็นสำหรับการออกแบบโซลูชันในการตอบโจทย์เหล่านั้น
สำหรับโซลูชันทางนวัตกรรมที่จะช่วยแก้ปัญหาน้ำอย่างยั่งยืน สิ่งแรก ต้องเข้าใจว่าไม่มีปัญหาน้ำใดเกิดขึ้นได้โดยลำพัง ในความเป็นจริงแล้วทุกปัญหามีความสัมพันธ์กันหมด โซลูชันต่างๆ ที่นำมาใช้ต้องเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์องค์รวมระยะยาวในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อให้เกิดการรับมืออย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการบริหารจัดการน้ำเสีย โดยทุกองค์ประกอบในระบบน้ำของเมือง รวมไปถึงโรงงานบำบัดน้ำเสีย ท่อประปาและเครือข่ายส่งน้ำ แม่น้ำ และทะเลสาบ ควรได้รับการพิจารณาแบบองค์รวมเพื่อให้เกิดการวางแผนและปฏิบัติงานร่วมกัน จนก่อเกิดเป็นแนวทางการแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืน
นอกจากนี้ การหมุนเวียนคือหัวใจสำคัญที่จะช่วยให้มั่นใจว่าเรากำลังจัดการปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับน้ำได้อย่างยั่งยืน โดยแนวทางการหมุนเวียนทรัพยากรให้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่มุ่งออกแบบการแยกของเสียออกจากระบบนิเวศและใช้ทรัพยากรให้เกิดคุณค่าสูงสุด ด้วยการเก็บรักษาให้สามารถใช้งานได้นานที่สุด การนำน้ำกลับมาใช้ใหม่จึงเป็นหัวใจของวัฏจักรการใช้งาน การบำบัดน้ำเสียอย่างมีประสิทธิภาพจนมีคุณภาพดีพอที่จะส่งกลับเข้าสู่ระบบหมุนเวียนน้ำได้จะช่วยให้เราประหยัดน้ำไว้ใช้ได้ในยามขาดแคลน
“ท้ายที่สุดแล้ว เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่าความยั่งยืน เราจำเป็นต้องเข้าใจว่าแท้ที่จริงแล้วน้ำและพลังงานมีความเกี่ยวเนื่องกัน เราต้องใช้พลังงานจำนวนมากในการเคลื่อนย้าย บำบัด และนำน้ำเข้าสู่กระบวนการผลิตน้ำประปา และการผลิตพลังงานมักจะมาจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศจากการปล่อยก๊าซที่ทำให้เกิดภาวะเรือนกระจกและส่งผลกระทบต่อทรัพยากรน้ำที่มีอยู่ นั่นหมายความว่าในการแก้ไขปัญหาน้ำอย่างแท้จริง เราจำเป็นต้องคำนึงถึงผลกระทบด้านพลังงานของกระบวนการผลิตน้ำประปาด้วย ไม่ว่าจะเป็นการตรวจสอบแหล่งพลังงานที่ใช้อยู่หรือการมองหาแหล่งพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์”นายริก กล่าวทิ้งท้าย