เร่งระดมพลัง!! หวั่นกลุ่มเปราะบางหลุดจากระบบ "มูลนิธิช่วยนักเรียนที่ขาดแคลน" หรือ "ม.น.ข." เชิญชวนบริจาคเพื่อเป็นทุนการศึกษาให้เด็กนักเรียนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ให้โอกาสเยาวชนเติบโตเป็นกำลังของประเทศชาติ
ด้วยพระบารมีแห่งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง องค์อุปถัมภิกาของมูลนิธิช่วยนักเรียนที่ขาดแคลนในพระบรมราชินูปถัมภ์ หรือ ม.น.ข.ที่ทรงมีพระเมตตาเห็นถึงความสำคัญด้านการศึกษาให้ทุกคนได้รับโอกาสทางการศึกษาอย่างเท่าเทียมทั่วถึง โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางไม่ให้หลุดออกจากระบบการศึกษา นับเป็นเวลากว่า ๖ ทศวรรษแล้วที่ทางมูลนิธิ ม.น.ข. ได้ดำเนินงานสนองพระราชปณิธานมาอย่างต่อเนื่อง
ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ที่มาช่วยทำงานให้มูลนิธิฯ ก็ล้วนเป็นอาสาสมัคร ทุกคนทำงานให้มูลนิธิฯ โดยไม่มีค่าตอบแทน ส่วนเงินที่ได้บริจาคนั้นจะนำมาเป็นทุนการศึกษาให้ทั้งหมด ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์ โดยในปี ๒๕๕๙ "มูลนิธิช่วยนักเรียนที่ขาดแคลน ในพระบรมราชินูปถัมภ์" จึงได้รับการประเมินจาก Giving Back Association เป็นองค์กรที่ตรวจประเมินการทำงานของมูลนิธิต่างๆ เพื่อนำข้อมูลเผยแพร่ในเว็บไซต์ได้มอบ Rating Certificate ให้ ม.น.ข.ในด้าน Good Governance, Transparency and Excellent Financial Efficiency
หนึ่งในผู้ที่ได้รับโอกาสจากทาง ม.น.ข. "วีระศักดิ์ ฮุนเมฆาเวทย์" อดีตนักเรียนทุนปี ๒๕๑๓ จบการศึกษาจากคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย สาขาวิศวกรรมอุตสาหการเคมี แม้ปัจจุบันท่านจะมีอายุ ๗๕ ปีแล้วก็ตาม แต่ยังคงมีความมุ่งมั่นตั้งใจและไม่ลืมสิ่งที่เคยได้รับโอกาสจากทางมูลนิธิฯ ซึ่งทำให้ชีวิตประสบความสำเร็จ เริ่มจากการทำงานให้กับภาคเอกชนเพียงสองแห่งเท่านั้น แห่งแรกคือ บริษัท คอลเกต-ปาล์มโอลีฟ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นเวลาประมาณ ๑๕ ปี แห่งที่สองคือ เครือบริษัทเจริญโภคภัณฑ์ และอยู่ที่นี่จนเกษียณอายุ ตำแหน่งงานสุดท้ายก่อนเกษียณอายุ เป็นรองกรรมการผู้จัดการอาวุโส (SVP) สำนักพัฒนาองค์กร เครือเจริญโภคภัณฑ์ หลังเกษียณทางบริษัทให้ทำงานต่อแบบสัญญาปีต่อปีอีกเป็นเวลา ๙ ปี ในตำแหน่งที่ปรึกษาสำนักพัฒนาความยั่งยืนองค์กร เครือเจริญโภคภัณฑ์
วีระศักดิ์ เล่าว่า "ในอดีตสมัยที่ผมเรียนอยู่ปีสุดท้าย ที่โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ผมพิจารณาแล้วคิดว่าทางครอบครัวคงส่งผมเรียนต่อระดับอุดมศึกษาไม่ไหว เพราะฐานะทางบ้านค่อนข้างขัดสน ผมจึงเขียนใบสมัครขอทุนการศึกษาจากมูลนิธิช่วยนักเรียนที่ขาดแคลน ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ตามประกาศทางโรงเรียน และได้รับความกรุณาจากทางมูลนิธิฯ ให้ทุนการศึกษาจนจบหลักสูตร โดยไม่มีข้อผูกมัดใดๆ ทุนที่ผมได้รับในสมัยนั้นปีละ ๒,๕๐๐ บาท เป็นทั้งค่าลงทะเบียนและค่าตำราเรียน ถึงแม้จะไม่มาก แต่ก็ช่วยแบ่งเบาภาระทางครอบครัวได้มาก ผมจึงรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณ ม.น.ข.มาตลอด"
"ดังนั้น เมื่อมีโอกาสคือในปี ๒๕๑๖ ผมได้รับการเสนอชื่อให้เป็นประธานนักเรียนเก่าทุน ม.น.ข. แทนประธานฯ คนแรกที่ถึงแก่กรรม เพื่อทำหน้าที่สานต่อกิจกรรมการตั้งทุนการศึกษา “ทุนนักเรียนเก่า ม.น.ข.” ของรุ่นพี่ที่จบไปแล้ว เพื่อช่วยเหลือนักเรียนที่ขาดแคลนรุ่นน้องให้ได้ศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาต่อไป"
"ทุนนี้จัดตั้งขึ้นเมื่อปี ๒๕๑๒ โดยรวบรวมเงินจากอดีตนักเรียนทุน ม.น.ข.ที่จบการศึกษาไปแล้วตามกำลัง แล้วนำไปมอบให้ ม.น.ข.จัดตั้งทุนการศึกษาดังกล่าว ซึ่งเราทำต่อเนื่องกันมานับถึงปัจจุบันเป็นเวลา ๕๓ ปีแล้ว"
"แรงบันดาลใจที่ทำงานอาสาสมัครในมูลนิธิฯ ที่ผมเข้ามาช่วยงานมูลนิธิช่วยนักเรียนที่ขาดแคลน ในพระบรมราชินูปถัมภ์ (ม.น.ข.) เป็นเพราะผมเคยได้รับความช่วยเหลือจาก ม.น.ข.มาก่อน เมื่อมีโอกาสเข้ามาเป็นผู้บริจาค มอบทุนให้กับ ม.น.ข. ที่เคยช่วยเหลือผมมาก่อน ผมจึงได้รับการเชิญชวนให้เข้ามาช่วยงานมูลนิธิฯ โดยเริ่มจากการเป็นอนุกรรมการก่อน แล้วเป็นกรรมการของมูลนิธิฯ จนปัจจุบันเป็นรองประธานกรรมการบริหาร ม.น.ข. ผมได้ช่วยงานมูลนิธิฯ ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบันเป็นเวลา ๔๙ ปีแล้ว และจะทำต่อไปจนกว่าจะทำไม่ไหว เป็นการตอบแทนบุญคุณมูลนิธิฯ ผมรู้สึกว่ามูลนิธิฯนี้ เป็นมูลนิธิฯที่ให้โอกาสทางการศึกษาแก่นักเรียนที่เรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์อย่างแท้จริง ย่อมเป็นเครื่องยืนยันว่า ม.น.ข. เป็นองค์กรที่ส่งเสริมการสร้างคนดีคนเก่งให้กับสังคม"
"ตลอด ๖๐ ปีที่ผ่านมา ม.น.ข.มีส่วนในการสร้างทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณภาพออกไปรับใช้สังคมในหลากหลายอาชีพแล้วจำนวนหลายพันคน ดังนั้น อดีตนักเรียนทุนที่จบการศึกษาไปแล้วและประกอบอาชีพอะไร มีความสำเร็จในหน้าที่การงานอย่างไร สามารถแจ้งข่าวสารให้ทางมูลนิธิฯ ทราบบ้าง หรือเข้ามาช่วยเหลืองานของมูลนิธิฯบ้าง เพื่อช่วยรุ่นน้องๆ ต่อไปก็จะดีอย่างยิ่ง ส่วนนักเรียนทุนปัจจุบัน ซึ่งกำลังเรียนอยู่ก็ต้องตั้งใจเรียน และพัฒนาตนเองให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลก เพื่อเป็นกำลังสำคัญของประเทศ และเมื่อประสบความสำเร็จในชีวิตแล้ว ส่งข่าวกลับมาให้ทางมูลนิธิฯ ร่วมแสดงความยินดีด้วย หรือถ้ามีโอกาส ก็กลับมาช่วยงานของมูลนิธิฯ เพื่อช่วยเหลือรุ่นน้องๆ ต่อไปก็จะยิ่งดีครับ"
"ในฐานะที่ผมเคยเป็นอดีตนักเรียนทุนของ ม.น.ข. เป็นผู้บริจาคทุนให้ ม.น.ข.ด้วยคนหนึ่ง และเป็นกรรมการบริหาร ม.น.ข. ด้วย ผมรู้สึกว่ามูลนิธิฯ นี้ เป็นมูลนิธิฯ ที่ให้โอกาสทางการศึกษาแก่นักเรียนที่เรียนดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์อย่างแท้จริง"
จากสภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ หลังสถานการณ์โรคระบาดโควิด -๑๙ มีครอบครัวจำนวนมากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว เด็กๆ บางส่วนต้องออกจากระบบการศึกษา เด็กที่เรียนดีแต่อาจเสียโอกาสที่จะเรียนต่อคงมีจำนวนไม่น้อย สำหรับผู้ที่กำลังตัดสินใจในการบริจาคทุนการศึกษา ขอเรียนให้ทราบว่า ในแต่ละปีมีเด็กนักเรียนที่ขาดแคลนอีกจำนวนมาก ที่มีความฝันอยากเรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัย แต่ครอบครัวไม่สามารถส่งเรียนได้ ซึ่งทางมูลนิธิฯ เองก็ยังไม่สามารถตอบสนองได้หมด เพราะทุนที่ได้รับมายังไม่เพียงพอต่อเด็กๆ
"ดังนั้น หากท่านมีความตั้งใจ อยากตั้งทุนการศึกษาในนามของท่าน หรือเป็นอนุสรณ์แก่ผู้ที่เคารพรัก อย่าได้ลังเลเลยครับ เพราะการให้โอกาสทางการศึกษาแก่เด็กหนึ่งคน เมื่อเขาเรียนจบเขาจะเป็นกำลังของประเทศชาติ เขาจะสามารถช่วยเหลือรับใช้สังคมอีกหลายสิบปีคุ้มมากและได้บุญกุศลมาก"
ถ้าท่านพอมีกำลังทรัพย์ อยากเชิญชวนให้มาทำบุญสร้างโอกาสทางการศึกษาให้กับนักเรียนที่เรียนดีแต่ขาดแคลน "มูลนิธิช่วยนักเรียนที่ขาดแคลน ในพระบรมราชินูปถัมภ์" ยินดีรับใช้เป็นผู้บริหารเงินทุนของท่านให้เป็นไปตามความประสงค์ของท่าน ท่านที่ศรัทธาการทำงานของมูลนิธิช่วยนักเรียนที่ขาดแคลน ในพระบรมราชินูปถัมภ์ ที่ทำงานช่วยเหลือเด็กขาดแคลนมาแล้วกว่า ๖๐ ปี ต้องการร่วมบริจาคเงินให้มูลนิธิฯ สามารถโอนเงินเข้าบัญชีมูลนิธิฯ
- ธนาคารทหารไทย สาขาสุรวงศ์ เลขที่ ๐๗๘-๑-๐๖๔๐๐-๑ บัญชีกระแสรายวัน - ธนาคารกรุงเทพ สาขาโรงพยาบาลเซ็นหลุยส์ เลขที่ ๐๐๒-๗-๑๑๖๑๕-๑ บัญชีออมทรัพย์ เมื่อโอนแล้วโปรดส่งสำเนาใบโอนเงินให้มูลนิธิฯ เพื่อมูลนิธิฯ จะจัดส่งใบเสร็จรับเงินให้ท่านและสามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้ต่อไป ท่านสามารถติดต่อ มูลนิธิฯ ได้ทาง Line ID : @forneedystudents หรือ ทางอีเมล mnk_q@hotmail.com