xs
xsm
sm
md
lg

ซีพีเอฟ ชูธุรกิจเติบโตยั่งยืน ติดอันดับบริษัทกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 ปีที่ 6

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ ซีพีเอฟ ได้รับคัดเลือกโดยสถาบันไทยพัฒน์ ให้เป็น 1 ในบริษัทกลุ่มหลักทรัพย์ ESG 100 ที่มีการดำเนินงานโดดเด่น ด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และยึดมั่นธรรมาภิบาล (Environmental Social and Governance : ESG) เป็นปีที่ 6 หนุนธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน

นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร ซีพีเอฟ รับมอบใบประกาศนียบัตร ESG 100 Company ประจำปี 2565 จาก ดร.พิพัฒน์ ยอดพฤติการ ประธานสถาบันไทยพัฒน์ ที่คัดเลือกให้ซีพีเอฟ เป็น 1 ในบริษัทกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 จาก 851 หลักทรัพย์จดทะเบียน จากการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และ ธรรมาภิบาล (Environmental Social and Governance : ESG) โดยซีพีเอฟเป็นบริษัทที่เข้าอยู่ในทำเนียบ ESG100 Company ในปี 2558 เป็นปีแรก และในปีนี้บริษัทฯ ได้รับการจัดอันดับฯ เป็นปีที่ 6

นายประสิทธิ์  กล่าวว่า ซีพีเอฟให้ความสำคัญกับเรื่อง ESG และเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน บริษัทฯ เชื่อมั่นเป็นอย่างยิ่งว่า ESG เป็นเรื่องที่สำคัญมากและเป็นเรื่องที่ต้องทำเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งสอดรับกับปรัชญา “3 ประโยชน์” ของเครือซีพี คือ การที่บริษัทฯ ไปทำธุรกิจในประเทศใดก็ตาม ต้องไปสร้างสรรสิ่งที่ดี นำเทคโนโลยีที่ดี ผลิตสินค้าที่ดี เพื่อให้คนในสังคมได้รับประทานอาหารที่สะอาด ปลอดภัย อร่อย มีคุณค่าโภชนาการ ควบคู่ดูแลสภาพแวดล้อมและสังคมให้ดี ส่งผลให้บริษัทได้ประโยชน์ด้วย

“ผมรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง และขอขอบคุณทางสถาบันไทยพัฒน์ที่ตระหนักถึงความมุ่งมั่นของบริษัทซึ่งให้ความสำคัญในด้าน ESG ในการดำเนินธุรกิจมาโดยตลอด” 

ทั้งนี้ ซีพีเอฟ เดินหน้าสร้างความมั่นคงทางอาหาร ด้วยการผลิตอาหารคุณภาพ ปลอดภัย มีสุขโภชนาการ รองรับผู้บริโภคทั่วโลก มีการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างคุ้มค่า พร้อมกันนี้ยังได้ส่งเสริมเกษตรกร คู่ค้า และสังคมให้เติบโตไปด้วยกัน โดยบริษัทฯประกาศกลยุทธ์และเป้าหมายความยั่งยืน CPF 2030 Sustainability in Action มุ่งสร้างการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น และสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ(Sustainable Development Goals : SDGs) ทางตรง 17 เป้าหมาย

ด้าน ดร.พิพัฒน์ ยอดพฤติการ ประธานสถาบันไทยพัฒน์ กล่าวว่า การที่ซีพีเอฟอยู่ในกลุ่มหลักทรัพย์ ESG 100 เป็นปีที่ 6 สะท้อนให้เห็นว่า บริษัทฯ มีการดำเนินงานด้าน ESG โดดเด่น เป็นแบบอย่างที่ดีในอุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งปัจจุบันเรื่อง ESG เป็นประเด็นที่นอกจากบริษัทใหญ่ให้ความสำคัญ แต่ยังลงไปห่วงโซ่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน รวมถึงธุรกิจ SME ทั้งนี้ การขับเคลื่อน ESG เป็นหน้าที่ของทุกองค์กร ในการดำเนินธุรกิจควบคู่กับการดูแลสิ่งแวดล้อมและดูแลสังคมไปพร้อมๆกัน และขอให้ซีพีเอฟเป็นผู้นำในการขับเคลื่อนเรื่อง ESG ให้กับสังคมและประเทศอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ซีพีเอฟ ได้เปิดตัวโครงการ CPF Restore the Ocean เป็นการสร้างความร่วมมือและลงมือทำ โดยสร้างความตระหนักสู่พนักงานในองค์กร เพื่อรักษาระบบนิเวศทางทะเล ด้วยการลดปริมาณขยะและนำมาจัดการอย่างถูกวิธี ตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ผ่านกิจกรรมต่างๆ ได้แก่ กิจกรรมกับดักขยะทะเล กิจกรรมเก็บขยะชายหาด กิจกรรมขยะคืนฝั่ง และ กิจกรรมขยะดีมีค่า โดยได้รับเกียรติจาก ดร.พิพัฒน์ ยอดพฤติการ ร่วมพิธีเปิดตัวโครงการครั้งนี้ด้วย

สำหรับสถาบันไทยพัฒน์ เป็นผู้ริเริ่มพัฒนาข้อมูลด้านความยั่งยืนของธุรกิจ ได้เปิดเผยรายชื่อหลักทรัพย์จดทะเบียนที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้าน ESG จำนวน 100 บริษัท หรือที่เรียกว่ากลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 เป็นครั้งแรกในปี 2558 และได้มีการเก็บรวบรวมข้อมูลด้านความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียนและดำเนินการต่อเนื่องมาเป็นปีที่แปดในปีนี้ โดยการจัดอันดับของสถาบันไทยพัฒน์ พิจารณาข้อมูลจากการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) และผลประกอบการของบริษัทควบคู่ไปพร้อมกัน

ขณะที่ การจัดอันดับบริษัทจดทะเบียนด้านการพัฒนาความยั่งยืนของธุรกิจนี้ ถือเป็นแหล่งข้อมูลด้านความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียน เพื่อรองรับความต้องการของผู้ลงทุนที่ให้น้ำหนักการลงทุนในบริษัทที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ และเป็นทางเลือกให้ผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในหลักทรัพย์จดทะเบียนที่มีคุณภาพและได้รับผลตอบแทนที่มิได้ด้อยไปกว่าการลงทุนในแบบทั่วไป


กำลังโหลดความคิดเห็น