ม.ศรีปทุม ผนึกจันวาณิชย์ ปั้นนักศึกษาสู่นักธุรกิจรุ่นใหม่ ผ่าน “มาเนโกะ” แพลตฟอร์มโซเซียลคอมเมิร์ซ

มาเนโกะ แพลตฟอร์มโซเชียลคอมเมิร์ซครบวงจรในเครือบริษัท จันวาณิชย์ จำกัด ร่วมกับ คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผนึกกำลังในการเป็นพันธมิตร จัดหลักสูตรโซเชียลคอมเมิร์ซรายแรกของไทย ที่ตอบโจทย์การตลาดยุคใหม่ให้นักศึกษา พร้อมสู่การสร้างงาน สร้างอาชีพและรายได้ สอดรับสถานการณ์เศรษฐกิจและธุรกิจปัจจุบัน

ผศ.ดร. วิรัช เลิศไพฑูรย์พันธ์ รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยศรีปทุม กล่าวว่า มหาวิทยาลัยศรีปทุมมุ่งมั่นด้านการศึกษาเพื่อสร้างคนคุณภาพให้สังคมและประเทศชาติมากว่า 50 ปี โดยเน้นผลิตบัณฑิตที่สามารถทำงานได้จริง ไม่ว่าจะอยู่ในสถานะใดทั้งการเป็นพนักงานในองค์กรหรือเป็นเจ้าของกิจการ จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีพันธมิตรที่อยู่ในธุรกิจและมีความเข้มแข็ง เพื่อร่วมกันเตรียมความพร้อมให้กับบัณฑิตที่ตอบโจทย์ทั้งภาคธุรกิจและสังคม ล่าสุดจึงได้ร่วมกับ “มาเนโกะ” แพลตฟอร์มโซเซียลคอมเมิร์ซในเครือบริษัท จันวาณิชย์ จำกัด เพื่อสร้างโอกาสให้นักศึกษาได้เรียนรู้จากธุรกิจจริง ทำให้ได้ประสบการณ์และทักษะที่เป็นประโยชน์อย่างแท้จริง

“โดยในช่วงแรกโครงการนี้ได้มุ่งไปยังกลุ่มเป้าหมายที่นักศึกษาคณะบริหารธุรกิจ และนักศึกษาคณะเทคโนโลยีสารสนเทศ ที่เรียนกลุ่มวิชาเฉพาะผู้ประกอบการยุคใหม่ ของสาขาวิชาบริหารธุรกิจ ซึ่งจะนำร่องในรุ่นแรกร่วม 100 คน โดยได้รับการสนับสนุนในการลงมือทำธุรกิจดิจิทัล ทั้งการศึกษาทฤษฎีและการปฏิบัติที่เข้มข้น ผ่านแพลตฟอร์ม มาเนโกะ ในเครือบริษัท จันวาณิชย์ จำกัด ซึ่งได้มีการร่วมมือกันในการออกแบบหลักสูตรที่นักศึกษาในแต่ละสาขา สามารถนำไปประยุกต์ปรับใช้ได้จริง”

“โดยจะได้ศึกษาครบในทุกมิติ อาทิ ระบบการจัดการร้านค้า ระบบจัดการสินค้า และวัดผลการเรียนรู้ของนักศึกษาที่ได้จากโครงการ ผ่านคุณภาพของคอนเท้นต์ การสร้างการรับรู้ที่ส่งผลถึงการปิดการขาย ซึ่งนักศึกษาจะต้องนำเสนอผลงานจากการทำธุรกิจดิจิทัลทุกสิ้นเดือน ตลอดระยะเวลา 4 เดือน อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์คุณภาพกับนักศึกษาอย่างแท้จริง สำหรับนักศึกษาที่สนใจ ทางมหาวิทยาลัยศรีปทุมก็จะต่อยอดจากรุ่นแรก ในการเปิดโอกาสให้นักศึกษาคณะอื่นๆ ได้เข้าร่วมโครงการในรุ่นถัดไป”

ความร่วมมือและโครงการนี้จะช่วยต่อยอดนักศึกษาคณะบริหารธุรกิจ ซึ่งปัจจุบันมีการเรียนรู้การทำธุรกิจออนไลน์หรือดิจิทัลอยู่แล้ว เช่น กระบวนการคิดโปรดักต์หรือสินค้าใหม่ๆ ที่มีนวัตกรรม ความรู้ความเข้าใจในการใช้เครื่องมือโซเชียลมีเดียต่างๆ และมีผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจที่มีประสบการณ์ตรงมาเป็นโค้ชร่วมกับอาจารย์ พร้อมทั้งการลงมือทำจริงของนักศึกษาทำให้เข้าใจลึกซึ้ง นอกจากนี้ สำหรับนักศึกษาที่ไม่มีโปรดักต์หรือธุรกิจของตนเอง สามารถเข้ามาพัฒนาสินค้าของชุมชนต่างๆ ที่มีอยู่มากในโครงการ U2T ซึ่งถือเป็นการช่วยเหลือสังคมไปด้วย

สำหรับนักศึกษาจะได้ประโยชน์อย่างมากจากโครงการนี้เพราะจะได้เรียนรู้จริงทุกอย่าง ทั้งอุปกรณ์หรือเครื่องมือต่างๆ รวมทั้ง บุคลากรหรือผู้เชี่ยวชาญที่มาให้ความรู้ก็อยู่ในธุรกิจจริงๆ องค์ประกอบเหล่านี้นักศึกษาหาไม่ได้ง่ายด้วยตนเอง แค่เมื่อมหาวิทยาลัยนำมามอบให้จะช่วยให้การเรียนรู้มีประสิทธิภาพมาก ส่วนในภาพกว้างจะช่วยให้ประเทศชาติมีบุคลากรที่มีศักยภาพช่วยขับเคลื่อนสร้างเศรษฐกิจและสังคมให้ก้าวหน้า


ธนพล กองบุญมา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท จันวาณิชย์ จำกัด กล่าวว่า บริษัทฯ ดำเนินกิจการมากว่า 100 ปี มีความชำนาญในด้านเทคโนโลยีที่จะทำอย่างไรให้คนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ประกอบกับประสบการณ์ที่ได้นำไปพัฒนาบนแพลตฟอร์ม มาสู่หลักสูตรให้นักศึกษา ซึ่งกำลังอยู่ในช่วงการเรียนรู้ ซึ่งการทำงานในอนาคตหรือ Future of work ไม่ได้มีประสบการณ์จากวิชาการอย่างเดียว แต่เกิดจากการแชร์จากธุรกิจที่มีความต้องการจริงๆ

“มาเนโกะ เป็นแพลตฟอร์มที่ใช้แล้วในภาคธุรกิจจริง มาให้นักศึกษาได้ใช้ ทุกคนจะได้เรียนไปด้วย มีรายได้เสริมไปด้วย การร่วมมือกับครั้งนี้จะเป็นโอกาสที่ดี และต่อยอดไปยังส่วนอื่นได้ต่อไปยังอีกแพลตฟอร์มของเราคือ Next Work ที่สามารถ ฝากโปรไฟล์ไว้ในแพลตฟอร์ม ซึ่งในส่วนของภาคธุรกิจก็มาสามารถมาเลือกนักศึกษาในการให้งานที่ตอบโจทย์กับหน่วยงานได้อีกด้วย”

ธนพล กล่าวอีกว่า แพลตฟอร์มมาเนโกะ มีจุดเด่น 3 ส่วน ส่วนแรกคือSocial Commerce เน้นการขาย ส่วนที่สองคือ Academy การพัฒนาทักษะผู้เรียนเพื่อให้มีทักษะต่างๆ ที่จำเป็น ไม่ว่าจะเป็น story telling หรือการเล่าเรื่อง การสื่อสาร และทักษะการขาย ส่วนที่สามคือ Market Place การบริหารจัดการการขาย โดยมีสินค้าจากเจ้าของสินค้ามาวางในแพลตฟอร์ม โดยนักศึกษาสามารถมาเลือกไปขายได้ ซึ่งไม่ใช่แค่โปรแกรม live ขายสินค้า แต่เป็นเทคโนโลยีด้านการตลาด การใช้ข้อมูลต่างๆ ในการตัดสินใจ

อาสา ผิวขำ Deputy Managing Director บริษัท จันวาณิชย์ จำกัด กล่าวเสริมว่า “นักศึกษาส่วนใหญ่มีข้อดี 3 ส่วนคือมีใจ มีไฟ มีไอเดีย และใช้โซเชียลคอมเมอร์ซขายของอยู่แล้ว แต่ทำอย่างไรที่จะเพิ่มเครื่องมือหรือความรู้เพื่อนำไปใช้กับธุรกิจของตนเองได้ หรือไปช่วยธุรกิจที่ต้องการ ซึ่งในส่วนของมาเนโกะมี Deta จากการเก็บข้อมูลของผู้ขายและตัวสินค้า ซึ่งถูกต้องตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลทั้งหมด ทำให้ผู้ผลิตสินค้าเรียนรู้ได้ว่าควรต้องขายผ่านช่องทางใด รู้จักลูกค้ามากขึ้น ขณะที่ คนขายได้เรียนรู้จุดที่พลาดหรือจุดที่ทำถูกต้องเพื่อนำไปพัฒนาตนเองมากขึ้น ส่วนผู้ซื้อได้ความเชื่อมั่นว่าซื้อจากคนที่รู้จริง ดังนั้น ผู้ใช้ระบบของเราจึงมั่นใจได้”