เรื่องเล่าจากภูหลวง โดยสถานีวิจัยสัตว์ป่าภูหลวง เปิดคลิปโขลงช้างป่าเข้ามาใช้บริการโป่ง เพิ่มแร่ธาตุสารอาหารที่จำเป็น แต่กลายเป็นประเด็นขัดแย้ง…โขลงข้าใครอย่าแตะ! เสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้ฉันใด!… แม่แปรกสองตัวก็อยู่โป่งเดียวกันไม่ได้ฉันนั้น!!
ในคลิป เป็นเหตุการณ์เกิดขึ้นตอนกลางคืนที่บันทึกจากกล้องดักถ่าย ทางสถานีวิจัยสัตว์ป่าภูหลวง บรรยายประกอบคลิปว่า
เริ่มต้นจากแม่แปรกหูริ้ว หางยาว พาฝูงกว่า 12 ตัว เข้ามาใช้โป่งอย่างสบายใจ
เวลาผ่านไปประมาณ 5 นาที แม่แปรกหูริ้วหางสั้นพาลูกๆวัยรุ่น 2 ตัว แนบกายมาขอร่วมวงด้วย
แต่เรื่องราวไม่ง่ายเลย แม่หูริ้วหางยาวและพวกกันท่าไว้ไม่ให้แม่หูริ้วหางสั้นเข้ามาใช้โป่งถึงแม้จะพยายามอยู่ 2 รอบก็ไม่ประสบผลสำเร็จ
แม่หูริ้วหางสั้นจึงต้องหลบไปรอข้าง ๆ โป่งนานกว่า 2 ชั่วโมง
ความจริงแล้วแม่แปรกทั้ง 2 ตัว เคยเป็นฝูงเดียวกันมาก่อนแต่ดูจากสถานการณ์วันนี้ ตั้งข้อสันนิษฐานได้ว่า แม่หูริ้วหางสั้น คือแม่แปรกในตำนาน แก่แล้ว เก่าแล้ว เลยมีการสถาปนาแม่แปรกสาวกว่าและแข็งแรงกว่ามาเป็นแม่แปรกฝูงเดิมนี้แทน
ช่วงท้ายคลิป เจ้าจิ๋วงาทิ่ม ทีมแม่แปรกหูริ้วหาวยาว (แม่แปรกตัวใหม่) อยู่ในโป่งกันท่านานที่สุด ก่อนออกจากโป่งก็ยังคำรามขู่กันท่าไม่ให้แม่แปรกแก่ลงโป่ง แต่แม่แก่กลับสัมผัสอย่างอ่อนโยน คงอยากบอกเจ้าจิ๋วว่า
"นี่แม่แก่นะ นี่แม่แก่เอง ขอแม่และพี่ๆกินโป่งบ้าง"
จิ๋วงาทิ่มค่อยเดินจากไปอย่างหวง ๆ ทีมแม่แก่ใช้เวลาอยู่ในโป่งราว 20นาที ฝูงเดิมแม่ใหม่ก็กลับมาอีกครั้ง แม่แก่เราก็ต้องถอยเช่นเดิม
"นี่คือวิถีช้างป่าครับ ความเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นกับสิ่งมีชีวิตทุกชีวิต พอเวลาเปลี่ยน ทุกสิ่งก็เปลี่ยนเป็นธรรมดา รักษาครอบครัวและชีวิตตนเองตามประสาช้างป่า ออกนอกป่าโหดร้ายกว่านี้เชื่อพี่เถอะ"
สถานีวิจัยสัตว์ป่าภูหลวง ให้ข้อมูลอีกว่า ความจริงโป่งในพื้นที่มีจำนวนมากพอแต่เป็นวิถีของฝูงช้างป่าระหว่างห้วงเวลาที่เปลี่ยนแปลง
ข้อมูลอ้างอิง
สถานีวิจัยสัตว์ป่าภูหลวง
กรมอุทยานแห่งชาติ
สัตว์ป่า และพันธุ์พืช