ความสำเร็จในธุรกิจที่ต่อเนื่องยาวนานย่อมไม่ใช่เรื่องที่ได้มาโดยง่าย ตลอด 39 ปีที่ผ่านมา บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) มีเจตนารมณ์ที่มุ่งมั่นให้ผู้คนมีคุณภาพชีวิตที่ดี พร้อมไปกับการช่วยพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมไทยให้ก้าวหน้าอย่างสร้างสรรค์ โดยมีแนวทางการดำเนินธุรกิจตามวิสัยทัศน์ “การเป็นบริษัทในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทย ที่มุ่งดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้กับผู้ซื้อบ้านและผู้เกี่ยวข้องทุกส่วน ภายใต้หลักธรรมาภิบาลที่ดี”
นพร สุนทรจิตต์เจริญ ประธานคณะกรรมการ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ เริ่มประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2526 โดยมีการขายที่อยู่อาศัยทั้งประเภทบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม และคอนโดมิเนียม ทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และจังหวัดใหญ่ๆ ในภาคต่างๆ ด้วยการให้ความสำคัญกับการดำเนินงานและกระบวนการทั้งหมด ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงส่งมอบโครงการและบ้านคุณภาพแก่ผู้บริโภค เริ่มจากการวิจัยและพัฒนา การสร้างสรรค์นวัตกรรม การใช้เทคโนโลยี การออกแบบ การคัดเลือกวัสดุ การก่อสร้าง ตลอดจนการบริการ เพื่อให้ได้ที่อยู่อาศัยที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคซึ่งมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอได้อย่างดีและลงตัว อันนำมาซึ่งคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นของผู้บริโภค ทั้งยังให้ความสำคัญกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นพนักงานภายในองค์กร คู่ค้า ผู้ถือหุ้น ตลอดรวมถึงสังคมส่วนรวม
นอกจากนี้ เพื่อสร้าง “ความแตกต่าง” และ “ความยั่งยืน” ให้กับธุรกิจและองค์กร บริษัทฯ ตระหนักอย่างมากว่าการสร้าง Brand Equity หรือ คุณค่าของแบรนด์ที่เกิดขึ้นในสายตาและการรับรู้ของผู้บริโภค เป็นสิ่งสำคัญและจำเป็นอย่างยิ่ง จึงดำเนินธุรกิจโดยคำนึงถึง 4 องค์ประกอบนี้มาโดยตลอด
1) ลูกค้า : บริษัทพัฒนาสินค้าและบริการอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ได้มาซึ่งคุณภาพและบริการที่ดีที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า มุ่งสร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น (Create a Better Living) ให้เป็นที่ยอมรับและไว้วางใจจากผู้บริโภค โดยให้ความสำคัญในการลงทุนวิจัยตลาด เพื่อเรียนรู้และเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคอย่างละเอียดในแง่มุมต่างๆ ทั้งเรื่องของฟังก์ชันการอยู่อาศัย การเลือกใช้วัสดุที่ใช้งานได้ดี สวยงาม และง่ายต่อการดูแลในอนาคต ตลอดจนสภาพโครงการ สวนสาธารณะ และระบบรักษาความปลอดภัย นอกจากนี้ การวิจัยตลาดยังทำให้ได้เรียนรู้ถึงพฤติกรรมการดำเนินชีวิต และทัศนคติของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละยุคสมัย
ข้อมูลเหล่านี้ได้รับการรวบรวมมาเป็นฐานข้อมูลในการทำ Product Development หรือการพัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่องให้ตรงกับความต้องการของลูกค้าในแต่ละช่วงเวลา อาทิ บ้านสบายพร้อมอยู่ (สร้างเสร็จก่อนขาย) ในปีพ.ศ.2543 ผนังสำเร็จรูป Pre Fab ในปีพ.ศ. 2547 เทคโนโลยี AirPlus ระบบหมุนเวียนอากาศภายในบ้าน พร้อมกับการลดการสะสมความร้อน และช่วยระบายความชื้นตลอดเวลา ในปีพ.ศ.2555 นวัตกรรม AirPlus2
(แอร์พลัสสแควร์) ระบบเติมอากาศกรองฝุ่น PM 2.5 ซึ่งพัฒนาจากระบบ AirPlus เดิม ในปีพ.ศ.2564 และการเริ่มใช้วัสดุทดแทนไม้จริง ในปีพ.ศ.2545 รวมถึงการออกแบบสินค้า การเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพและเอื้อต่อการประหยัดพลังงาน การเลือกผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ บริษัทยังมีการทำวิจัยสำรวจความพึงพอใจของลูกค้าก่อนตัดสินใจซื้อ และหลังเข้าอยู่อาศัย เพื่อนำข้อมูลเหล่านั้นมาพัฒนาทั้งสินค้าและบริการให้เป็นไปตามแนวคิดของบริษัท “เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น”
2) ผู้ถือหุ้น : บริษัทตอบสนองต่อความคาดหวังของผู้ถือหุ้นที่ต้องการการเติบโตที่ดีและความยั่งยืนของบริษัท รวมทั้งผลตอบแทนจากเงินปันผลอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น บริษัทจึงได้ปรับโครงสร้างการลงทุนโดยแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ส่วนที่หนึ่ง ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ (Real Estate) ซึ่งสร้างรายได้ในสัดส่วน 90% ส่วนที่สอง ธุรกิจการให้เช่า (Renting) ได้แก่ โรงแรม Grande Centre Point ธุรกิจค้าปลีกของ Terminal และ Service Apartment ในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็น Recurring Income ที่สร้างรายได้ในสัดส่วน 10% และส่วนที่สาม การลงทุน (Investment) บริษัทมีการกระจายการลงทุนไปยังธุรกิจอื่นๆ อาทิ HomePro, Q-Con และLH Bank ซึ่งในกลุ่มนี้จะให้ผลตอบแทนกลับมาที่ bottom line ของบริษัทประมาณ 25-30%
3) ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย : Stakeholders ได้แก่ พนักงาน บริษัทคู่ค้า และผู้รับเหมา
3.1 พนักงาน - บริษัทให้การดูแลพนักงานในเรื่องต่างๆ ทั้งความเป็นอยู่ ความปลอดภัย อาชีวอนามัยในการทำงาน สวัสดิการ การศึกษาของพนักงานและบุตร เพื่อให้พนักงานได้รับการพัฒนาศักยภาพ เพิ่มพูนความรู้และทักษะในการปฏิบัติงาน ทั้ง upskill และ reskill อย่างต่อเนื่องและสอดคล้องไปกับกลยุทธ์ทางธุรกิจ รวมถึงการสร้างความสุขในการทำงาน
3.2 ผู้รับเหมาและบริษัทคู่ค้า - บริษัทให้การดูแลสภาพคล่องทางการเงินของผู้รับเหมา มีการอบรมพัฒนาทักษะคนงานร่วมไปกับผู้รับเหมา รวมถึงการดูแลสภาพแวดล้อม สาธารณสุข และความเป็นอยู่ที่ดีภายในแคมป์ก่อสร้าง เช่น ในช่วงสถานการณ์ COVID-19 บริษัทได้สร้าง Camp Quarantine เพื่อดูแลคนงานประมาณ 9,000 คน โดยแบ่งแคมป์ออกเป็น 3 ส่วน คือ สีเขียวสำหรับคนงานที่อาการเป็นปรกติ สีเหลืองสำหรับคนงานที่ต้องเฝ้าระวัง และสีแดงสำหรับคนงานที่มีอาการ เพื่อรอส่งต่อให้กับสถานพยาบาลต่อไป ในส่วนคู่ค้า บริษัทมีการพัฒนาสินค้า และวัสดุต่างๆ ร่วมกับคู่ค้า เพื่อตอบสนองต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคให้ง่ายต่อการใช้งานและการดูแลในอนาคต เช่น การพัฒนาผนังสำเร็จรูป Precast ร่วมกับบริษัท สยาม ควอลิตี้ พรี-คาสท์ จำกัด และการออกแบบถังน้ำสำรองบนดินกับปั๊มน้ำร่วมกับผู้ผลิต ให้มีความเรียบร้อยและสวยงาม รวมทั้งการพัฒนานวัตกรรมระบบเติมอากาศกรองฝุ่น PM2.5 AirPlus2 เป็นต้น
4) ESG : Environment - Social - Governance บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานและแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ทั้งมิติสิ่งแวดล้อม มิติสังคม และมิติด้านบรรษัทภิบาล เพื่อสร้างคุณค่าและความรับผิดชอบร่วมกับผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่าย
เริ่มจาก ด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) บริษัทมีนโยบายในการดำเนินธุรกิจที่คำนึงถึงผลกระทบเชิงลบจากการดำเนินการที่มีต่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มุ่งเน้นการใช้ทรัพยากรและพลังงานอย่างรู้คุณค่าและมีประสิทธิภาพสูงสุด มีการปรับปรุงกระบวนการทำงานให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและลดผลกระทบเชิงลบต่างๆ ทั้งการควบคุมการเกิดมลพิษ ขยะ ของเสีย มีการใช้น้ำและพลังงานอย่างคุ้มค่า พร้อมกับการปฏิบัติตามกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม
นอกจากนี้ ยังดำเนินธุรกิจโดยสอดคล้องกับนโยบายและเป้าหมายด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการลดก๊าซเรือนกระจกในระดับประเทศและระดับโลก สร้างความตระหนักรู้และความเข้าใจด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศให้แก่พนักงานและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่เกี่ยวข้อง มีการเปิดเผยข้อมูลกิจกรรมด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศขององค์กร และจัดทำรายงานข้อมูลก๊าซเรือนกระจกขององค์กร ซึ่งจะนำไปสู่การหามาตรการหรือแนวทางบริหารจัดการเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเพื่อมุ่งไปสู่การเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำในอนาคต โดยบริษัทกำลังดำเนินการเพื่อให้ได้รับมาตรฐานขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์กรมหาชน) หรือ อบก. และมาตรฐานระดับสากล ISO14064-1
ด้านสังคม (Social) บริษัทให้ความร่วมมือกับภาคการศึกษา โดยร่วมกับสถาบันการศึกษาในโครงการนักศึกษาฝึกงาน/ทวิภาคีอย่างต่อเนื่อง มีการจัดกิจกรรมเพื่อชุมชนและสังคม ตลอดจนการมีส่วนร่วมในภาวะวิกฤตต่างๆ มีการช่วยเหลือและสนับสนุนองค์กรที่ทำสาธารณประโยชน์ เช่น การสมทบทุนจัดซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นให้แก่โรงพยาบาลทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด นอกจากนี้ ยังมีโครงการให้ลูกค้าได้ร่วมทำบุญ ด้วยการจัดทำถุงผ้าอเนกประสงค์เพื่อจำหน่ายแก่ลูกค้าของโครงการ โดยรายได้ทั้งหมดจากการจำหน่าย ไม่หักค่าใช้จ่ายใดๆ จะบริจาคให้แก่ผู้ป่วยยากไร้โรงพยาบาลศิริราช
ด้านธรรมาภิบาล (Governance) บริษัทมีนโยบายการกำกับดูแลกิจการและยึดมั่นในการปฏิบัติตามคุณลักษณะหลักของกระบวนการกำกับดูแลกิจการที่ดี อันประกอบด้วย ความซื่อสัตย์ ความโปร่งใส ความเป็นอิสระ ความรับผิดชอบต่อสังคม ความเป็นธรรมและความรับผิดชอบต่อภาระหน้าที่
ล่าสุด การได้รับรางวัล Thailand’s Top Corporate Brand 2021 จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หรือรางวัลสุดยอดแบรนด์องค์กรไทยที่มีมูลค่าสูงสุดประจำปี 2564 ในหมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ โดยมีมูลค่าแบรนด์สูงถึง 45,040 ล้านบาท และเป็นการได้รับรางวัลนี้ต่อเนื่อง 3 ปี สะท้อนถึงความสำเร็จของบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ในการให้ความสำคัญกับองค์ประกอบทั้ง 4 ดังกล่าวได้เป็นอย่างดีอีกครั้ง และท้ายที่สุด บริษัทฯ ยังคงยืนยันถึงความมุ่งมั่นในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เป็นไปอย่างยั่งยืน ตามแนวคิด “เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น” ของผู้บริโภคและผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมด