“สุชาดา อิทธิจารุกุล” ส่งไม้ต่อแม่ทัพสยามแม็คโคร

“สุชาดา อิทธิจารุกุล” พร้อมเกษียณจากแม่ทัพแม็คโคร ในอายุ 70 ปี หลังวางรากฐานแม็คโครไว้แน่น ตามแผนผู้สืบทอดตำแหน่ง (Succession Planning) เชื่อมั่นการเติบโตตามยุทธศาสตร์เดิม โดยมีผล 1 พ.ค.นี้ คาดหมายกันว่าธุรกิจไม่สะดุด มีคนรับไม้ไร้รอยต่อ

องค์กรชั้นนำล้วนต้องวางแผนการสืบทอดตำแหน่ง เพื่อให้มั่นใจได้ว่า การดำเนินธุรกิจจะมีความต่อเนื่อง และล่าสุดกรณีของสยามแม็คโคร “สุชาดา อิทธิจารุกุล” ซีอีโอหญิงแห่งสยามแม็คโคร จะมีอายุครบ 70 ปี ในวันที่ 5 กันยายน 2565 ซึ่งถือได้ว่า ตลอดเส้นทางการทำงานสุชาดาเป็นต้นแบบของผู้หญิงเก่ง และเป็นซีอีโอหญิงคนแรกและคนเดียวของของสยามแม็คโคร ที่เข้ามานำทัพการบริหารงานกว่า 27 ปี และได้สร้างคนเก่งมาแล้วมากมาย และ พร้อมส่งไม้ต่ออย่างสมบูรณ์ โดยสุชาดาเริ่มงานที่สยามแม็คโครในเดือนมกราคม ปี 2538 ตั้งต้นที่ Finance จนรับตำแหน่งซีอีโอในปี 2544 พร้อมสร้างยอดขายทะยานหลายแสนล้านบาท ทั้งนี้ตามกรอบเวลาของการแผนผู้สืบทอดตำแหน่งและความเหมาะสมด้านจังหวะเวลา จึงได้มีการขับเคลื่อนการส่งไม้ต่อตามแผนการสืบทอดตำแหน่ง (Succession Planning) โดยมีการดำเนินการตามกรอบเวลาที่เหมาะสม

วันที่ 28 เมษายน 2565 สุชาดา อิทธิจารุกุล ได้เกษียณอายุจากการดำรงตำแหน่งกรรมการ รองประธานกรรมการที่ 2 และประธานคณะผู้บริหาร กลุ่มธุรกิจค้าส่งแม็คโคร โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2565 ซึ่งการส่งไม้ต่อจะมีผู้ที่มีประสบการณ์มาเชื่อมโยงรอยต่อของแผนการสืบทอดตำแหน่ง (Succession Planning) โดยก่อนหน้านี้ประมาณ 5 เดือน ธานินทร์ บูรณมานิต ได้รับแต่งตั้งจากบอร์ดสยามแม็คโคร ให้ดำรงตำแหน่งเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และรองประธานกรรมการบริหาร ซึ่งมีผลเมื่อ 1 ม.ค.2565 ได้นำประสบการณ์ที่สั่งสมมาจากซีพีออลล์ เข้ามาขับเคลื่อนแผนด้านบุคลากรตามแผนการสืบทอดตำแหน่งที่สุชาดาได้สร้างผู้บริหารรุ่นใหม่ไว้อย่างดี โดยคาดว่าจะแต่งตั้งคุณ “ริคาร์โด้ เบารอตโต้” มาทดแทนตำแหน่งของสุชาดาในเร็ว ๆ นี้

แหล่งข่าวจากนักลงทุนกล่าวว่า ธานินท์ บูรณมานิต ได้ให้ความมั่นใจกับนักลงทุนว่า ทิศทางยุทธศาสตร์ยังคงเดินหน้าเช่นเดิมตามที่ประกาศไปก่อนหน้านี้ โดยยังขับเคลื่อนการเติบโตเต็มที่ ทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม และบุคลากรก็มีความพร้อมตามแผนที่ได้วางไว้อย่างดี โดยธานินท์ กล่าวว่า เครือซีพีมีธุรกิจค้าปลีก ค้าส่งที่ครบเครื่อง และตั้งเป้าหมายเป็นบริษัทที่มีการเติบโตต่อเนื่อง(Growth Company) ปัจจุบันมีธุรกิจค้าปลีกอยู่แล้วใน 10 ประเทศ บวกกับกลยุทธ์ออนไลน์ ออฟไลน์ (O2O) ทำให้มีโอกาสอย่างมาก ทั้งในและต่างประเทศ ดังนั้นการวางแผนรองรับการเปลี่ยนแปลงจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ เพื่อให้บริษัทเติบโตเป็นผู้นำค้าปลีกในภูมิภาคเอเชีย