คาร์กิลล์ ผู้นำธุรกิจนวัตกรรมอาหารและเกษตรกรรมของโลก ร่วมกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารีและมหาวิทยาลัยบูรพา จัดทำโครงการรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม (CSR) โดยสานต่อโครงการ “เกษตรอาหารกลางวัน” ให้โรงเรียนที่ขาดแคลนต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 และเปิดตัวโครงการ “Smart Farming” ส่งเสริมกลุ่มเกษตรกรให้สามารถทำการเกษตรได้อย่างยั่งยืน
โครงการ “Smart Farming” จัดตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี 2564 เป็นความร่วมมือระหว่างคาร์กิลล์และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี และในปีนี้ได้รับความร่วมมือจากมหาวิทยาลัยบูรพาเข้ามาเพิ่มด้วย โครงการดังกล่าวเป็นการส่งเสริมให้เกษตรกรที่อยู่บริเวณโรงงานของคาร์กิลล์นำน้ำบำบัดจากโรงงานไปใช้ทำการเกษตร รวมถึงอุปกรณ์เทคโนโลยี เช่น โดรน เพื่อเพิ่มผลผลิตสูงสุดในไร่ของตน โดยมีตัวแทนจากทั้งสองมหาวิทยาลัยจัดอบรม และให้คำแนะนำเกษตรกรอย่างใกล้ชิด
ความร่วมมือดังกล่าวจะช่วยให้เกษตรกรที่อยู่ในบริเวณรอบโรงงานคาร์กิลล์สามารถใช้น้ำจากโรงงานของคาร์กิลล์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และได้ผลิตผลเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่ใช้ปริมาณปุ๋ยน้อยลง เกษตรกรจะรู้จักใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับพื้นที่ของตน และในแปลงสาธิตกว่า 30 ไร่ ทั้งยังเป็นการสานต่อโครงการเกษตรอาหารกลางวันที่จะขยายพื้นที่ จากเดิมที่เน้นโรงเรียนในจังหวัดนครราชสีมา จะมีการเพิ่มโรงเรียนในจังหวัดสระบุรี ลพบุรี และบุรีรัมย์ เข้ามาด้วย โดยตั้งเป้าไว้ว่าจะทำโครงการให้สำเร็จได้ 70 โรงเรียนในพื้นที่ภาคอีสาน ภายในปี 2567
ศาสตราจารย์ ดร.หนึ่ง เตียอํารุง คณบดี สํานักวิชาเทคโนโลยีการเกษตร มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี กล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ ทางคาร์กิลล์และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ได้ทำโครงการเกษตรอาหารกลางวันด้วยกันมาแล้ว โครงการดังกล่าวเป็นการสนับสนุนให้โรงเรียนในจังหวัดนครราชสีมาสามารถพึ่งพาตนเองได้ โดยการทำฟาร์มเกษตรและแปลงผักในโรงเรียนเพื่ออาหารกลางวันที่มีคุณภาพของนักเรียน ซึ่งเป็นโครงการที่ยังคงสานต่อมาจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ ยังมีโครงการ Smart Farming ที่มหาวิทยาลัยได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการจัดอบรมเกษตรกร นำความรู้ทางวิชาการไปถ่ายทอด ช่วยพัฒนาเกษตรกรให้มีความรู้มากขึ้น เช่น การวิเคราะห์ดิน การวัดสารอาหารสำหรับพืชในน้ำ ทำให้การเพาะปลูกได้ประสิทธิภาพมากขึ้น การร่วมมือในครั้งนี้เป็นการสานต่อเจตนารมณ์ในการร่วมกันพัฒนาชุมชนเกษตรกร โดยคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนเป็นหลัก”
ดร.สิริเชษฐ์ รัตนะชิตธวัช รักษาการแทนคณบดี ม.บูรพาฯ กล่าวว่า “ทางมหาวิทยาลัยบูรพามีความรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในความร่วมมือครั้งนี้ ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันของภาครัฐและเอกชนในการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม โดยคำนึงถึงประโยชน์ของนักเรียนและเกษตรกรเป็นหลัก ซึ่งจะช่วยให้ความเป็นอยู่ของพวกเขาดีขึ้นภายใต้เป้าหมายการพัฒนาในระยะยาวอย่างชัดเจน ม.บูรพาจะนำความรู้ความเชี่ยวชาญ และบุคลากรมาช่วยให้โครงการนี้ก้าวไปสู่เป้าหมาย เช่น งานวิจัยเกี่ยวกับการปลูกข้าว ซึ่งมีรายละเอียดทั้งการใช้ดิน น้ำ พันธุ์ข้าวที่เหมาะสมกับพื้นที่”
สุเกียรติ กิตติธรรมโชติ ผู้อำนวยการฝ่ายภาพลักษณ์และองค์กรสัมพันธ์ บริษัท คาร์กิลล์ สยาม จำกัด กล่าวว่า “สำหรับสิ่งใหม่ๆ ในปีนี้ มองว่ามีสองมิติด้วยกัน อย่างแรกคือในแง่ของการเพิ่มมหาวิทยาลัยบูรพาเป็นพันธมิตรของเราในการดูแลโรงเรียนและเกษตรกรสำหรับโครงการเกษตรอาหารกลางวันในพื้นที่ตะวันออก และอย่างที่สองคือ โครงการ Smart Farming ที่มหาวิทยาลัยทั้งสองแห่งจะเป็นผู้มอบองค์ความรู้ในด้านเกษตรและเทคโนโลยีใหม่ๆ ซึ่งจะช่วยพัฒนาศักยภาพของเกษตรกรให้เพิ่มมากขึ้น เป็นความร่วมมือกันระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในการร่วมมือกันใช้จุดเด่น และจุดแข็งของกันและกันเพื่อส่งเสริมการทำกิจกรรมความรับผิดชอบต่อสังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของบริษัทฯ ที่เน้นการพัฒนาโลกอย่างยั่งยืน และสนับสนุนภาคเกษตรกรรมให้สามารถพัฒนาไปได้อย่างยั่งยืน”
สำหรับโครงการ Smart Farming มีเกษตรกรร่วมโครงการจำนวน 20 ครัวเรือน หรือประมาณ 50 คน ในปี 2564 โดยจากผลสำรวจพบว่า เกษตรกรที่เข้าร่วมอบรมมีความรู้ด้านการเกษตรเพิ่มมากขึ้นหลังการอบรมถึง 82% จากเดิม 51% โดยในปีนี้ มีการตั้งเป้าเกษตรกรที่จะร่วมอบรมอยู่ที่ 40 ครัวเรือน หรือประมาณ 70 คน โดยใช้แปลงสาธิต 40 ไร่
ทั้งนี้ บริษัท คาร์กิลล์มีทส์ (ไทยแลนด์) จำกัด ร่วมกับ ฟาร์มมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี โดยให้ความสําคัญและเล็งเห็นประโยชน์ต่อการดําเนินกิจกรรมที่ผ่านมา จึงสานต่อโครงการต่อเนื่อง 2 ปี (2564-2565) เป็นการพัฒนาโครงการในระยะที่ 3 เพื่อพัฒนาเด็กและเยาวชนให้เกิดการเรียนรู้และได้รับโภชนาการที่ดีปลอดภัยต่อสุขภาพ ปลูกฝังจิตสํานึกที่ดีให้แก่เด็กรู้จักหน้าที่และมีความรับผิดชอบ มีความอดทน รู้จัก แบ่งปัน ซึ่งในการทํากิจกรรมจะเกิดการช่วยเหลือ รู้จักการทํางานเป็นกลุ่มเกิดความสามัคคี ปลูกฝังนิสัยการทํางานและมีเจตคติที่ดีกับอาชีพการเกษตรที่เหมาะสมกับบริบทของภูมิประเทศและท้องถิ่นของประเทศไทย จะเห็นได้ว่าการทำเกษตรในโรงเรียนมีคุณค่าเพิ่ม นอกเหนือจากการเพิ่มคุณภาพของอาหารกลางวัน เพราะทำให้เกิดการเรียนรู้และลงมือปฏิบัติ นํานวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาส่งเสริมสนับสนุนให้แก่เยาวชนสามารถก้าวสู่การเป็นเกษตรกรรุ่นใหม่ในอนาคต
คาร์กิลล์นำประสบการณ์กว่า 155 ปีมาผสมผสานกับเทคโนโลยีใหม่ๆ และข้อมูลธุรกิจเชิงลึกเพื่อเป็นคู่ค้าที่น่าเชื่อถือและไว้วางใจได้สำหรับลูกค้าด้านอาหาร การเกษตร การเงิน และอุตสาหกรรมในกว่า 125 ประเทศ เพื่อร่วมกันสร้างอนาคตที่แข็งแกร่งและยั่งยืนสำหรับภาคเกษตรกรรม โดยเชื่อมโยงเกษตรกรกับตลาดสินค้า เชื่อมโยงลูกค้าให้เข้าถึงวัตถุดิบต่างๆ รวมถึงช่วยให้ผู้บริโภคและสัตว์ได้มีอาหารที่จำเป็นสำหรับการเจริญเติบโตอย่างสมบูรณ์ พนักงานกว่า 155,000 คน ใน 70 ประเทศ มุ่งมั่นเพื่อบรรลุเป้าหมายในการผลิตอาหารหล่อเลี้ยงโลกใบนี้อย่างปลอดภัย มีความรับผิดชอบและยั่งยืน