การเคหะแห่งชาติรับคืนโครงการอาคารเช่า เพชรเกษม 91 จากภาคเอกชนมาบริหารจัดการเอง ปรับปรุงภูมิทัศน์ พร้อมจัดกิจกรรมสร้างความสามัคคีในชุมชน มุ่งเป้า “ลดรายจ่าย-เพิ่มรายได้” ปลื้มลูกบ้านตอบรับดี
นายทวีพงษ์ วิชัยดิษฐ ผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบรุนแรงเป็นวงกว้างทั่วประเทศ ทั้งในด้านสังคม ด้านเศรษฐกิจ และกระทบโดยตรงต่อประชาชน พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยต่อประชาชน จึงมีนโยบายให้ทุกส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนตามภารกิจของหน่วยงานนั้นๆ เป็นการเร่งด่วน นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จึงมอบหมายการเคหะแห่งชาติหาแนวทางช่วยเหลือประชาชนที่อาศัยอยู่ในโครงการของการเคหะแห่งชาติอย่างครอบคลุมทุกมิติ
การเคหะแห่งชาติดำเนินนโยบายรับคืนอาคารเช่าจากบริษัทเอกชนกลับมาบริหารเอง เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด และเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการลดภาระด้านการเงินให้กับประชาชนในช่วงสถานการณ์ปัจจุบัน ควบคู่ไปกับการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้มีที่อยู่อาศัยในราคาประหยัดและสภาพแวดล้อมที่น่าอยู่น่าอาศัย มีความมั่นคง ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
นายสมเจต ประพันธ์บัณฑิต รักษาการรองผู้ว่าการการเคหะแห่งชาติ กล่าวว่า จากนโยบายดังกล่าว การเคหะแห่งชาติมีเป้าหมายดำเนินการรับคืนอาคารเช่าจากบริษัทเอกชน จำนวน 60 สัญญา รวมทั้งสิ้น 32,632 หน่วย โดยในระยะแรกต้นปี 2564 ได้ดำเนินการนำร่องก่อน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการเคหะชุมชนนวมินทร์ และโครงการเคหะชุมชนออเงิน ปัจจุบันดำเนินการรับคืนอาคารจากบริษัทเอกชนไปแล้ว จำนวน 51 สัญญา จำนวน 27,917 หน่วย และจะดำเนินการให้ครบภายใน 31 ธันวาคม 2565
โครงการอาคารเช่าเพชรเกษม 91 เป็นอีกหนึ่งโครงการที่การเคหะแห่งชาติรับคืนอาคารจากบริษัทเอกชนและนำกลับมาบริหารเอง ตั้งอยู่ ซอยเพชรเกษม 91 ถนนพุทธสาคร ตำบลสวนหลวง อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร มีเนื้อที่ 39-3-28.0 ไร่ มีลักษณะเป็นอาคารชุดสูง 5 ชั้น จำนวน 17 อาคาร รวม 2,507 หน่วย ขนาดพื้นที่ 24 ตารางเมตร มีผู้เช่าทั้งสิ้น 1,187 หน่วย และมีห้องว่างพร้อมให้เช่า จำนวน 868 หน่วย ปัจจุบันบริหารงานโดย บริษัท จัดการทรัพย์สินและชุมชน จำกัด
สำหรับค่าเช่าโครงการอาคารเช่าเพชรเกษม 91 ในปี 2565 การเคหะแห่งชาติได้ลดอัตราค่าเช่าลง 10% มีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – ธันวาคม 2565 ทำให้ผู้เช่าจ่ายอัตราค่าเช่าลดลง จากเดิมเดือนละ 1,900 - 2,300 บาทต่อเดือน คงเหลือจ่ายอัตราค่าเช่าเดือนละ 1,710 - 1,900 บาทต่อเดือน และจ่ายค่าไฟถูกลง เนื่องจากเป็นการเรียกเก็บจากการไฟฟ้านครหลวง (บริษัทเอกชนจัดเก็บค่าไฟฟ้ายูนิตละ 5-6 บาท ต่อหน่วยต่อเดือน แต่การไฟฟ้านครหลวง จัดเก็บยูนิตละ 3 บาท ต่อหน่วยต่อเดือน) รวมถึงจ่ายค่าน้ำถูกลง เนื่องจากการเคหะแห่งชาติคิดอัตราค่าน้ำประปากรณีที่การเคหะแห่งชาติเป็นคู่สัญญากับการประปานครหลวงโดยตรง (บริษัทเอกชนจัดเก็บค่าน้ำประปายูนิตละ 16-30 บาท ต่อหน่วยต่อเดือน แต่การเคหะแห่งชาติจัดเก็บยูนิตละ 13-15 บาท ต่อหน่วยต่อเดือน) และไม่ต้องจ่ายค่าเก็บขยะ เพราะการเคหะแห่งชาติจัดเก็บให้ฟรี ทำให้ผู้อยู่อาศัยลดค่าใช้จ่ายลงได้อย่างน้อยเดือนละ 497 บาท
ภายหลังจากที่รับคืนโครงการอาคารเช่าเพชรเกษม 91 การเคหะแห่งชาติได้มีการปรับปรุงภูมิทัศน์ภายในโครงการเพื่อความน่าอยู่น่าอาศัยและความปลอดภัยของผู้พักอาศัย อาทิ ตกแต่งกิ่งไม้ไม่ให้เกะกะสายไฟ ปรับปรุงทางเท้าและพื้นถนนที่ชำรุด ทำกันสาดกันลม และลอกท่อระบายน้ำ อีกทั้งยังมีแผนงานจะเพิ่มแสงสว่างด้วยการติดหลอดไฟฟ้าเพิ่มเติม และติดตั้งกล้องวงจรปิดภายในอาคาร ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สินของ ผู้อยู่อาศัยภายในโครงการ
นอกจากนี้ การเคหะแห่งชาติยังส่งเสริมให้ผู้อยู่อาศัยจะทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน เพื่อสร้างความสามัคคีในชุมชน เช่น การตักบาตรในวันสำคัญต่างๆ หรือการจัดกิจกรรมวันเด็ก วันสงกรานต์ วันแม่ วันพ่อ รวมไปถึงกิจกรรมอบรมส่งเสริมอาชีพให้กับผู้อยู่อาศัยในชุมชน
โดยในช่วงที่ผ่านมาได้มีการจัดโครงการอบรมการป้องกันและระงับอัคคีภัยในชุมชน ซึ่งจะจัดให้มีการอบรมปีละ 4 รุ่น รุ่นละประมาณ 60 - 100 คน เพื่อเป็นการให้ความรู้การใช้อุปกรณ์ถังดับเพลิง วิธีการดับเพลิงที่ถูกต้อง รวมไปถึงป้องกันไม่ให้เกิดอัคคีภัยขึ้นด้วย อีกทั้งยังมีการอบรมให้ความรู้เรื่องการใช้จุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพ และมีแผนที่จะพัฒนาชุมชนแห่งนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดองค์ความรู้ในชุมชน ส่งผลให้ผู้เช่ามีความรักในที่อยู่อาศัยและเกิดการอยากพัฒนาที่อยู่อาศัยแห่งนี้ให้น่าอยู่อย่างยั่งยืน
ด้านนางจันทิมา เมืองแก้วกุล ผู้อยู่อาศัยในโครงการเพชรเกษม 91 กล่าวว่า หลังจากที่การเคหะแห่งชาติเข้ามาดูแล ช่วยลดค่าใช้จ่ายลงมาก ทั้งค่าเช่า ค่าน้ำ ค่าไฟ อีกทั้งโครงการนี้ ยังมีความสะดวกสบาย มีร้านค้า ทำให้มีรายได้เพิ่มขึ้นด้วย รวมถึงการเดินทางสะดวก ทั้งนี้ ต้องการให้การเคหะแห่งชาติช่วยติดตั้งตู้เอทีเอ็ม เพิ่มแสงสว่าง ติดตั้งกล้องวงจรปิด ภายในโครงการ เพื่อความปลอดภัยให้ชาวชุมชน
นางสาววาสนา ดังเสนาะ ลูกบ้านโครงการเพชรเกษม 91 กล่าวว่า เมื่อการเคหะแห่งชาติเข้ามาดูแล ช่วยลดค่าใช้จ่ายลงมาก โดยเฉพาะค่าน้ำ ค่าไฟที่จากเดิมเสียค่าน้ำเดือนละกว่า 300-400 บาท ปัจจุบันเสียเพียงเดือนละประมาณ 100 บาท อีกทั้งยังเสียค่าเช่าถูกลงด้วย และต้องการให้การเคหะแห่งชาติ ติดตั้งกล้องวงจรปิด และสนามเด็กเล่น รวมทั้งขอบคุณที่การเคหะแห่งชาติที่จัดให้มีการจัดกิจกรรมต่าง ๆ เกิดขึ้นในชุมชน เพราะที่ผ่านมา ได้แต่ต่างคนต่างอยู่ รู้จักกันแบบผิวเผิน พอมีกิจกรรมที่ทำร่วมกัน ก็ทำให้รู้จักคนในชุมชนเพิ่มขึ้น ซึ่งการจัดกิจกรรมนี้จะช่วยให้คนในชุมชนรักและสามัคคี ช่วยเหลือกันอย่างถ้อยทีถ้อยอาศัย ทำให้ชุมชนกลายเป็นครอบครัวขนาดใหญ่ที่มีความอบอุ่นมากขึ้น