กฟผ. โชว์ศักยภาพ 3 สุดยอดผลงานการพัฒนาธุรกิจและนวัตกรรม “EGAT Smart Energy Solutions” ในงานระดับโลก World Expo 2020 Dubai ในสัปดาห์พลังงานและสิ่งแวดล้อม ระหว่างวันที่ 20 กุมภาพันธ์ – 8 มีนาคม 2565 ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
วันนี้ (21 กุมภาพันธ์ 2565) ดร.จิราพร ศิริคำ รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ เป็นผู้แทน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ร่วมพิธีเปิดนิทรรศการ กฟผ. ภายในงาน World Expo 2020 Dubai ที่มี 192 ประเทศเข้าร่วมจัดแสดงมหกรรมแห่งอนาคต และได้รับเกียรติจาก นายชัยรัตน์ ศิริวัฒน์ กงสุลใหญ่ ณ เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ พร้อมคณะเข้าร่วมพิธี
ดร.จิราพร ศิริคำ เปิดเผยว่า กฟผ. ภูมิใจที่ได้เป็นตัวแทนประเทศไทยร่วมแสดงศักยภาพความเป็นองค์กรชั้นนำด้านพลังงาน กฟผ. มุ่งสร้างความมั่นคงด้านพลังงานและพัฒนาพลังงานไฟฟ้าที่ยั่งยืน ด้วยการผลักดันงานด้านวิจัยและพัฒนาสิ่งประดิษฐ์และนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยลดการเกิดก๊าซเรือนกระจกสาเหตุการเกิดภาวะโลกรวน และตั้งธงเพื่อมุ่งสู่ EGAT Carbon Neutrality ภายในปี ค.ศ. 2050 โดยเร่งพัฒนาศักยภาพของบุคลากรและปรับกระบวนการดำเนินงาน เพื่อให้พร้อมสำหรับการก้าวไปสู่ Green Energy สำหรับครั้งนี้ กฟผ. พร้อมสร้างความมั่นใจให้กับประเทศต่าง ๆ ที่มาร่วมงาน World Expo 2020 Dubai เพื่อตอกย้ำจุดยืนของประเทศไทยที่พร้อมร่วมขับเคลื่อนสังคมโลกเข้าสู่ยุคใหม่ที่ทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และศักยภาพ กฟผ. ให้เป็นที่ประจักษ์ในเวทีระดับโลก
ดร.จิราพร กล่าวเพิ่มเติมว่า กฟผ. นำนิทรรศการมาแสดงภายใต้แนวคิด “EGAT Smart Energy Solutions”นำเสนอภาพรวมของบริษัทในกลุ่ม กฟผ. (EGAT Group) ซึ่งประกอบด้วย กฟผ. บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) (EGCO) บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (RATCH) บริษัท กฟผ. อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (EGATi) และบริษัท อินโนพาวเวอร์ จำกัด เพื่อแสดงถึงความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีและการออกแบบบริการ รองรับความต้องการของอุตสาหกรรมพลังงานในตลาดโลก ด้วย 3 สุดยอดผลงาน ได้แก่
1. Renewable Energy Certificate (REC) เป็นการซื้อขายและการรับรองเครดิตการผลิตพลังงานหมุนเวียนให้แก่บริษัทในประเทศไทย โดย กฟผ. ได้สิทธิ์การเป็นผู้รับรอง REC (มาตรฐาน I-REC) เพียงรายเดียวในประเทศไทย โดย กฟผ. อวดโฉม “REX Platform” ที่พัฒนาขึ้นด้วยกลไก Renewable Energy Certificate (Time-based REC) เพื่อตอบโจทย์การส่งมอบพลังงานหมุนเวียนที่ผลิตในชั่วโมงเดียวกับการใช้ไฟฟ้าของผู้ใช้ไฟฟ้า และตอบสนองความต้องการของผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วโลกที่ให้ความสำคัญต่อการเลือกใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น และแสดง “โครงการนำร่องการส่งมอบพลังงานหมุนเวียนรายชั่วโมงด้วย REC (24/7 REC pilot project)” ที่ทดสอบการส่งมอบ Time-based REC ตั้งแต่การรวบรวมข้อมูลการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนและข้อมูลการใช้ไฟฟ้าของผู้เข้าร่วมโครงการ 24/7 REC Pilot Project เพื่อจับคู่การผลิตและการใช้ไฟฟ้าที่เกิดขึ้นจริงในแต่ละชั่วโมง พร้อมทดสอบระบบสื่อสารกับ I-REC Registry เพื่อสร้างความมั่นใจถึงการส่งมอบ REC ตามมาตรฐาน Energy Attribute Certificate (EAC) ที่ผ่านกระบวนการรับรอง (REC Issuance) และไถ่ถอน (REC Redemption) แบบอัตโนมัติ
2. Hydro-Floating Solar Hybrid Power Plant หรือ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทุ่นลอยน้ำร่วมกับโรงไฟฟ้าพลังน้ำ โดยโชว์ความสำเร็จล่าสุดของ กฟผ. กับโซลาร์เซลล์ลอยน้ำระบบไฮบริดที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกที่เขื่อนสิรินธร จ.อุบลราชธานี ขนาดกำลังการผลิต 45 เมกะวัตต์ ซึ่งจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์แล้วเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2564 โดยต่อจากนี้ กฟผ. จะเดินหน้าพัฒนาโครงการฯ อีก 15 โครงการ บนพื้นที่ผิวน้ำของเขื่อนหลัก กฟผ. ทั่วประเทศ รวมกำลังการผลิตทั้งหมด 2,725 เมกะวัตต์ นอกจกนี้ กฟผ. ยังพัฒนาระบบบริหารจัดการพลังงาน Hybrid-EMS (Hybrid-Energy Management System) ควบคุมโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทั้ง 2 แหล่งให้ผลิตและจ่ายไฟฟ้าตามศักยภาพของพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ลดความไม่แน่นอนของพลังงานหมุนเวียน ทำให้ผลิตไฟฟ้าได้ต่อเนื่องยาวนานขึ้น และช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (CO2) ได้ประมาณ 47,000 ตัน/ปี
3. ผลงานนวัตกรรมด้าน EGAT Business Solutions กฟผ. นำโครงการด้าน EGAT Smart Energy ไปจัดแสดง จำนวน 2 โครงการ คือ
-โครงการทดสอบนวัตกรรมที่นำเทคโนโลยีมาสนับสนุนการให้บริการด้านพลังงาน (ERC Sandbox) ที่ กฟผ. ได้รับอนุมัติจาก กกพ. ให้ร่วมส่งเสริมรูปแบบธุรกิจใหม่ด้านพลังงานและสนับสนุนให้เกิดการทดสอบเทคโนโลยีทางด้านพลังงานในสภาพแวดล้อมของการใช้งานจริง โดยมี โครงการ TU EGAT Energy โครงการศรีแสงธรรมโมเดล และ โครงการ ENGY Energy is Yours
-โครงการ ENZY หรือ ENZY Platform โดย กฟผ. มุ่งเป็นผู้ให้บริการ Platform กับผู้ที่ต้องการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ ติดตามการใช้พลังงาน และมีราคาที่ผู้ประกอบการทุกรายสามารถเข้าถึงได้ โดยเลือกใช้อุปกรณ์ที่มีเสถียรภาพ ติดตั้งง่าย ต้นทุนไม่สูง และให้คำแนะนำการใช้พลังงานทั้งภาคความร้อนและภาคความเย็นในกลุ่มอุตสาหกรรม โดยนำร่องใช้งาน ENZY Platform แล้วที่นิคมอุตสาหกรรมปิ่นทอง 3 ในพื้นที่เขต EEC