H&M จับมือ Danone AQUA ร่วมโครงการ bottle2fashion อีกครั้ง เปลี่ยนขวด PET ใช้แล้วให้กลายเป็นเสื้อผ้าแฟชั่นสำหรับเด็ก และดึงดูดด้วยลาย The Mandalorian เอาใจแฟนภาพยนตร์ดัง Star Wars หวังเร่งให้เกิด "การผลิตแบบยั่งยืน" ในอุตสาหกรรมแฟชั่นทั่วโลก
อย่างที่รู้กันว่า “ขยะพลาสติก” เป็นปัญหาใหญ่ เนื่องจากพลาสติกเข้าไปอยู่ในผลิตภัณฑ์ต่างๆ และการใช้ชีวิตประจำวันของผู้บริโภคทั่วโลก ในหลายประเทศจึงมีทั้งแนวความคิด ไอเดียใหม่ๆ วิธีการต่างๆ รวมทั้ง มาตรการทั้งทางสังคมและทางกฎหมายเพื่อช่วยกันแก้ปัญหาขยะพลาสติก ซึ่งไม่ใช่ภาครัฐเท่านั้นที่มีบทบาทนำ แต่ภาคธุรกิจหลายรายที่ต้องการมีบทบาทนำก็ลงมือทำอย่างจริงจังต่อเนื่อง
H&M เป็นหนึ่งในแบรนด์แฟชั่นชั้นนำระดับโลกที่ต้องการอยู่เป็นผู้นำในการผลิตแบบยั่งยืน (Sustainable Production) ด้วยการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุดในกระบวนการผลิตงานแฟชั่น โดย H&M ได้กลับมาร่วมงานอีกครั้งกับ Danone AQUA บริษัทผลิตน้ำดื่มบรรจุขวดแบรนด์ยอดนิยมในประเทศอินโดนีเซีย ในโครงการ "bottle2fashion" ซึ่งเป็นโครงการที่เปลี่ยนขวดพลาสติกใช้แล้วจากเกาะต่างๆ ในอินโดนีเซียให้กลายเป็นเส้นใยโพลีเอสเตอร์รีไซเคิล ซึ่งในปี 2021 ได้มีการรวบรวมขวดพลาสติก PET มารีไซเคิลมากกว่า 7.5 ล้านขวด ซึ่งมากกว่าปี 2020 ที่เก็บได้ 3.5 ล้านขวด หรือมากกว่าสองเท่า โดยสินค้าในคอลเลกชั่นนี้ผลิตด้วยขวดพลาสติก PET 663,869 ขวด
คาริน บริงค์ (Karin Brinck) ผู้จัดการฝ่ายความยั่งยืนของ H&M Kidswear กล่าวว่า “bottle2fashion เป็นโครงการจากความร่วมมือกันเพื่อการผลิตแฟชั่นที่ยั่งยืนกว่า แนวคิดของโครงการนี้คือเพื่อชุบชีวิตขยะพลาสติกให้กลับมามีค่าอีกครั้ง โครงการนี้มีความสำคัญในสองด้าน ด้านแรกคือเป็นการสนับสนุนรัฐบาลอินโดนีเซียในการลดมลพิษทางทะเล และอีกด้านคือลดการทิ้งรอยเท้า หรือ carbon footprint จากการผลิตเสื้อผ้าของเรา โดยเลือกใช้เส้นใยรีไซเคิล"
โครงการนี้เก็บขวด PET มาแยกและทำความสะอาด ก่อนนำไปย่อยเป็นชิ้นเล็กๆ เพื่อผลิตเป็นเส้นใยโพลีเอสเตอร์รีไซเคิล คาริน อธิบายว่า "เส้นใยรีไซเคิลมีประโยชน์ต่อสิ่งแวดล้อมหลายประการ มันช่วยไม่ให้ขยะเหลือทิ้งต้องโดนฝังกลบ และช่วยลดการนำเส้นใยและวัตถุดิบใหม่มาใช้ในการผลิต ดังนั้นนี่จึงเป็นการประหยัดทรัพยากรธรรมชาติ และช่วยลดผลกระทบจากเสื้อผ้าที่มีต่อสภาพอากาศ การใช้เส้นใยโพลีเอสเตอร์รีไซเคิลจากโครงการ bottle2fashion ในคอลเลกชั่นที่โด่งดังสำหรับเด็กช่วยเน้นให้เห็นว่าเราสามารถนำเส้นใยที่ยั่งยืนกว่ามาผลิตใช้คอลเลกชั่นใดก็ได้ของ H&M"
“bottle2fashion” นำเสนอเสื้อผ้าในชีวิตประจำวันที่มาพร้อมลายพิมพ์และสีสันหลากหลาย มีทั้งเสื้อฮู้ด กางเกงขายาว กางเกงจ็อกเกอร์ เสื้อยืด เสื้อแขนยาว และถุงเท้าดีไซน์ทันสมัย ให้ความอุ่นสบายและมีทรงกว้าง รวมถึงมีรายละเอียดสไตล์สปอร์ต การไล่สี คัลเลอร์บล็อก ลายหินอ่อน และลายมัดย้อม สีที่ใช้ได้แก่สีลาเวนเดอร์ สีเหลืองอ่อน สีดำ สีเทา และสีเขียวมะนาว ให้ความรู้สึกเปี่ยมไปด้วยพลังและเป็นหนึ่งเดียว สินค้าที่สวมได้ในชีวิตประจำวันทุกชิ้นจากคอลเลกชั่นนี้แน่นอนว่าสามารถใส่ได้หลายครั้ง และเรามักได้รับคำถามอยู่เป็นประจำว่าจะดูแลรักษาไอเทมแต่ละชิ้นขณะอยู่ในตู้เสื้อผ้าได้อย่างไร
คารินยังกล่าวอีกว่า "คุณต้องเลือกใส่เสื้อผ้าที่ผลิตจากเส้นใยที่ยั่งยืนกว่า ต้องทำความสะอาดด้วยวิธีที่ประหยัดพลังงาน ต้องดูแลรักษาเพื่อยืดอายุการใช้งาน และส่งต่อให้ผู้อื่นหรือนำไปให้ที่จุดรับเสื้อผ้าสำหรับรีไซเคิลหากใส่ต่อไม่ได้แล้ว เมื่อพูดถึงเรื่องไมโครพลาสติกจากเส้นใยสังเคราะห์ เราแนะนำให้ใช้ถุงซักผ้าเพื่อกักเก็บไมโครพลาสติกไว้ในถุงให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อลดมลพิษทางน้ำ"
ในขณะที่คุณปฏิบัติตามวิธีดังกล่าว เราก็มีหน้าที่ของเราที่ต้องทำเช่นกัน ภายในปี 2030 เส้นใยทุกชนิดที่ H&M ใช้จะนำมาจากการรีไซเคิลหรือจากการผลิตอย่างยั่งยืน ในฐานะที่เราเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางนี้ เราต้องการเพิ่มการใช้เส้นใยรีไซเคิลในการผลิตด้วยเช่นกัน โดยภายในปี 2025 เราจะใช้เส้นใยรีไซเคิลเป็นสัดส่วน 30% ของวัตถุดิบในการผลิตสินค้า
คารินกล่าวว่า “เรามีบทบาทสำคัญและอยากนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเพื่ออนาคตแห่งแฟชั่นที่ยั่งยืนมากขึ้น เราทำได้ และเราต้องทำสิ่งนี้เพื่อเร่งให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่จำเป็นสำหรับอุตสาหกรรมแฟชั่น เราและแบรนด์อื่นๆ ซัพพลายเออร์ รวมถึงลูกค้าของเราต้องร่วมมือกัน ฉันรู้สึกภูมิใจที่เราได้ร่วมงานกับบริษัทและคนอื่นๆ ในการยกระดับมาตรฐานอุตสาหกรรมแฟชั่นที่นำไปสู่นวัตกรรมทางเลือกใหม่ๆ เป็นเรื่องน่าประทับใจมากที่ได้เห็นว่าความยั่งยืนทำให้เราร่วมมือกันเพื่อเปิดประตูไปสู่โอกาสสร้างสรรค์ในแบบที่ไม่เคยเห็นมาก่อน”
ทั้งนี้ ความร่วมมือในโครงการ bottle2fashion นอกจากช่วยเร่งให้เกิดการผลิตแบบยั่งยืนในอุตสาหกรรมแฟชั่นทั่วโลก ทั้งยังเป็นการสนับสนุนรัฐบาลอินโดนีเซียในการรับมือกับปัญหามลพิษทางทะเล โดยตั้งเป้าจะลดปริมาณขยะพลาสติกในทะเลให้ได้ 70% ภายในปี 2025 อีกด้วย