ความอยู่รอดของเสือโคร่งในประเทศไทย และอีก 12 ประเทศที่มีการอนุรักษ์ โปรดสังเกตว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้มีการปกป้องด้วยการลาดตระเวนเชิงคุณภาพ (Smart Patrol) และการอนุรักษ์ป่าใหญ่เพื่อเสือโคร่ง เพราะเสือโคร่งก็อนุรักษ์ผืนป่าเพื่อเราเช่นกัน
ในประเทศไทย ป่าหลายแห่งเคยมีเสือโคร่ง แต่ปัจจุบันมีรายงานการพบที่น้อยลง หรือบางพื้นที่ไม่มีรายงานการพบเสือโคร่งในพื้นที่ป่านั้นอีกเลย ยกเว้นก็แต่ในกลุ่มป่าตะวันตกที่มีเสือโคร่งเพิ่มขึ้น
มูลนิธิสืบนาคะเสถียร รายงานว่า ป่าตะวันตก เป็นป่าอนุรักษ์ที่มีความต่อเนื่องขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศ พื้นที่รวม 11.7 ล้านไร่ หรือ 18,727 ตารางกิโลเมตร ประกอบด้วยเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า 6 แห่ง และอุทยานแห่งชาติ 11 แห่ง คลอบคลุมพื้นที่ 6 จังหวัด คือ ตาก กำแพงเพชร นครสวรรค์ อุทัยธานี สุพรรณบุรี และกาญจนบุรี
จากการสำรวจวิจัยเสือโคร่งในประเทศไทยด้วยกล้องดักถ่ายตั้งแต่ปี 2553 – 2563 พบเสือโคร่งในป่าธรรมชาติ 130 – 160 ตัว หากประเมินเฉพาะในพื้นที่กลุ่มป่าตะวันตกในระยะเวลา 10 ปี พบว่าประชากรเสือโคร่งมีจำนวนเพิ่มขึ้นจาก 42 ตัว เป็น 79 ตัว ถือว่าเป็นแหล่งสำคัญของโลกที่มีการอนุรักษ์ถิ่นที่อยู่ในธรรมชาติจนประชากรเสือเพิ่มขึ้น
โดยประเทศที่มีเสือโคร่งในป่าธรรมชาติทั้ง 13 ประเทศได้ให้ปฏิญญาในการอนุรักษ์เสือโคร่งและมีแผนฟื้นฟูตามศักยภาพของพื้นที่ที่รองรับได้ โดยมีเป้าหมายว่าจะต้องเพิ่มจำนวนประชากรเสือโคร่งให้มากขึ้นเป็นสองเท่าตัว นับเป็นความหวังของการอนุรักษ์เสือโคร่งในระดับโลก
ในช่วงสองสามปีที่ผ่านมาการกระจายตัวของเสือโคร่งจากฐานข้อมูลวิทยาศาสตร์ที่เก็บลักษณะลวดลายของเสือโคร่งแต่ละตัว พบว่าเสือโคร่งมีการกระจายตัวออกไปทั่วพื้นที่ป่าตะวันตก จากห้วยขาแข้งไปยังพื้นที่ป่าใกล้เคียง เช่นอุทยานแห่งชาติแม่วงก์ และอุทยานแห่งชาติคลองลาน ต่อเนื่องถึงอุทยานแห่งชาติคลองวังเจ้าทางตอนเหนือ และขยายการกระจายตัวลงมาถึงเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระทางตอนใต้
นอกจากนี้ ยังพบเสือโคร่งจากห้วยขาแข้งออกไปหากินนอกป่าเลยจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผางออกไปถึงประเทศเมียนมา เช่นเดียวกับที่ออกไปจากป่าคลองลานจนมีผู้พบในไร่มันอำเภอเถิน จังหวัดลำปาง
ในเชิงวิชาการนี่คือหลักฐานการกระจายตัวของเสือโคร่งจากการออกหาแหล่งที่อยู่ใหม่เมื่อมีประชากรเพิ่มขึ้นนั่นเอง
หากประเทศไทยสามารถรักษาประชากรเสือโคร่ง และเพิ่มจำนวนได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ก็จะนับได้ว่าประเทศไทยได้ดูแล และฟื้นฟูความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าในพื้นที่ที่ไม่เคยพบเสือมานานให้กลับมามีเสือโคร่ง เป็นดัชนีวัดความอุดมสมบูรณ์ได้
คงปฏิเสธไม่ได้ การที่ประเทศไทยสามารถรักษาประชากรเสือโคร่งเอาไว้ได้นั้นเป็นผลสืบเนื่องให้เกิดการขยายผลระบบลาดตระเวนเชิงคุณภาพจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งต่อไปยังเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันออกและตะวันตก อุ้มผาง สลักพระ และอุทยานแห่งชาติแม่วงก์-คลองลาน
เสือโคร่งถูกระบุในบัญชีสัตว์ชนิดใกล้สูญพันธุ์ในบัญชีแดงไอยูซีเอ็น ข้อมูลจากวิกิพีเดียได้ประมาณการว่าใน ค.ศ. 2015 คาดว่าประชากรเสือโคร่งทั่วโลกเหลือเพียง 3,062 ถึง 3,948 ตัว ในปัจจุบันอินเดียเป็นประเทศที่มีประชากรเสือโคร่งมากที่สุด สาเหตุหลักที่ทำให้เสือโคร่งลดจำนวนลงอย่างมาก ได้แก่ การรุกล้ำและการทำลายแหล่งที่อยู่อาศัย รวมถึงการล่าโดยมนุษย์ เสือโคร่งจึงยังเป็นเหยื่อของความขัดแย้งระหว่างมนุษย์และสัตว์ป่า (Human–wildlife conflict) โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่มีพื้นที่ห่างไกลซึ่งมีประชากรหนาแน่น
องค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล หรือ WWF ออกแถลงการณ์แสดงความกังวลต่อเป้าหมายการเพิ่มประชากรเสือโคร่งให้ได้ 2 เท่าตามมติของที่ประชุมกลุ่มประเทศอนุรักษ์เสือโคร่ง ที่เคยให้คำมั่นไว้เมื่อ 12 ปีที่แล้ว โดยหลายประเทศยังคงมีตัวเลขประชากรเสือโคร่งเพิ่มขึ้นไม่มากนัก โดยเฉพาะบางประเทศในบริเวณลุ่มแม่น้ำโขงที่เสือโคร่งได้สูญพันธุ์ไปแล้ว
กว่า 25 ปีแล้วที่มีงานวิจัยระบุว่า เสือโคร่งสูญพันธุ์ไปจากกัมพูชา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เวียดนาม และยังคงลดจำนวนลงในมาเลเซีย สาธารณรัฐเมียนมา ซึ่งพบจำนวนไม่มากนักในประเทศไทย
“ประชากรเสือโคร่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ลดจำนวนลงจนเป็นที่น่าเป็นห่วง แม้ทั่วโลกจะมีการทำข้อตกลงในการอนุรักษ์ เพื่อฟื้นฟูจำนวนประชากรของสัตว์ผู้ล่าตระกูลแมวใหญ่นี้ร่วมกันตั้งแต่ทศวรรษที่แล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่สายเกินไป แต่เป็นภารกิจเร่งด่วนที่แต่ละภาคส่วนจะร่วมกันจัดสรรทรัพยากร และสรรพกำลังเพื่อช่วยกันอนุรักษ์สัตว์ที่เป็นเหมือนอัตลักษณ์ของภูมิภาคนี้” สจ๊วต แชปแมน หัวหน้าโครงการอนุรักษ์เสือโคร่ง Tiger’s Alive Initiative จากองค์การกองทุนสัตว์ป่าโลกสากล หรือ WWF กล่าว
“ในขณะที่ประเทศแถบเอเชียใต้ ได้แก่ อินเดีย เนปาล และประเทศทางตอนเหรือของเอเชียยุโรป อย่างรัสเซีย สามารถประกาศความสำเร็จของการอนุรักษ์และฟื้นฟูประชากรเสือโคร่งได้ โดยมีแนวโน้มประชากรเสือโคร่งที่เพิ่มขึ้น และในบางพื้นที่ประชากรสามารถเพิ่มขึ้นได้เป็น 2 เท่าภายในระยะเวลาไม่นาน ส่วนหนึ่งเกิดจากการเชื่อมต่อของผืนป่าหรือถิ่นอาศัย การมีประชากรเหยื่อที่เพียงพอ และการปกป้องเสือจากการถูกล่า ซึ่งทำให้ตัวเลขจำนวนเสือโคร่งเพิ่มขึ้นได้”
การวางกับดักของพรานเป็นอีกหนึ่งปัจจัยคุกคามหลักต่อเสือโคร่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากรายงานของ WWF พบว่ามีจำนวนกับดักพรานมากกว่า 12 ล้านชิ้นในป่าอนุรักษ์ ทั้งในกัมพูชา สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และเวียดนาม เป็นต้น ส่วนใหญ่แล้วเป็นประเทศที่เสือโคร่งได้สูญพันธุ์ไปแล้ว ซึ่งข้อมูลดังกล่าวส่งสัญญาณต่อประเทศที่ยังมีเสือโคร่งอาศัยอยู่ตามธรรมชาติให้เฝ้าระวัง และเดินหน้าโครงการอนุรักษ์อย่างเร่งด่วน
นักวิจัยเสือโคร่งของประเทศไทย เผยว่าต่อให้ดูเหมือนดุร้าย น่าสะพรึงกลัวแค่ไหน หาก “ความอยู่รอด” ของเสือโคร่ง 100% ขึ้นอยู่กับการปกป้องโดยมนุษย์เท่านั้น ( Protection dependent species ) และก็จะหมดสิ้นได้ด้วยเงื้อมมือมนุษย์เช่นกัน แม้การทำลายถิ่นอาศัยจะส่งผลอย่างรุนแรงกับสัตว์ป่าในระยะยาว แต่สำหรับเสือโคร่ง การล่าก็ยังเป็นภัยคุกคามอันดับ 1
คนบางจำพวก มองผ่านแว่นความโลภ เสือโคร่งเป็นเพียงเงินเดินได้ สามารถฆ่าให้ตายเงียบยกครัวได้ด้วยยาเบื่อซองละไม่กี่บาท – ชีวิตที่ต้องปกป้องเป็นอย่างไร ลองนึกภาพพื้นที่อนุรักษ์ที่ไร้มาตรการป้องกันอย่างเข้มแข็งดูสิ
เมื่อกล่าวถึงลำห้วยสายที่แม่พาลูกๆข้ามนั้น ประเทศไทย คือ หัวใจอีกดวงของการอนุรักษ์เสือโคร่งโลก และคืออันดับ 1 ของเสือโคร่งชนิดย่อย อินโดจีน แม้ว่าอินเดีย คือ ประเทศอันดับ 1 ของเสือโคร่งโลกชนิดย่อยเบงกอล แต่สำหรับชนิดย่อยอินโดจีนที่แพร่กระจายจากจีนตอนใต้ พม่า ไทย ลาว เขมร เวียดนาม ไม่มีประเทศใดในภูมิภาคนี้มีพื้นที่อนุรักษ์ต่อเนื่องที่มีศักยภาพ และกลุ่มประชากรขนาดใหญ่เหมือนบ้านเรา
และหากกลับไปพูดถึงความอยู่รอดของเสือโคร่ง ดังกล่าวข้างต้น บ้านเรามีคนดูแล ปกป้องที่ทำงานกันเต็มที่ เป็นมืออาชีพ และตรวจสอบผลสัมฤทธิ์ได้อย่างเป็นวิทยาศาสตร์ ที่เรียกว่า Smart Patrol
โดยหากจะกล่าวว่า "ป่ารกเพราะเสือยัง" เมื่อเสือโคร่งช่วยเพิ่มป่า เราอาจเคยพูดว่า เราอนุรักษ์ป่าผืนใหญ่เพื่อเสือโคร่ง แต่ลองพูดกลับกันดูสิว่า “เสือโคร่งอนุรักษ์ป่าผืนใหญ่เพื่อพวกเรา” ก็จะพบว่า มันเป็นจริงอย่างที่สุด
เพราะเสือโคร่งทำให้การอนุรักษ์ป่าต่อเนื่องผืนใหญ่เป็นจริง และมีเป้าชัดเจนยิ่ง เพราะตัวเลขการครอบครองเขตบ้านที่แน่นอนที่เราพบ จำนวนสัตว์ป่าในถิ่นอาศัย หรือแม้แต่การเดินทางเร่ร่อนเพื่อความอยู่รอด ทำให้มาตรการด้านอนุรักษ์เป็นรูปธรรมยิ่งกว่ายุคใด และหลักฐานการมีอยู่ของเสือโคร่งได้ช่วยให้พื้นที่นั้นๆ พ้นจากการพัฒนามาแล้ว
ข้อมูลที่มา : ห้วยขาแข้งสืบสาน, มูลนิธิสืบนาคะเสถียร, WWF