xs
xsm
sm
md
lg

"ดิ เอสเตท" ผนึก "เอ็นพลัส อิงค์" วางกลยุทธ์ขยายธุรกิจรุกอาเซียน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เอ็นพลัส ผู้นำด้านโซลูชั่นการย้ายที่อยู่ระหว่างประเทศระดับโลกจากญี่ปุ่น และ ดิ เอสเตท (ไทยแลนด์) ลงนาม MoU เสริมแกร่งธุรกิจเวิลด์ฮับ เพื่อรองรับต่างชาติ ต่อยอด MQDC ผู้นำตลาด

เอ็นพลัส อิงค์ (Enplus Inc.) บริษัทขนย้ายชั้นนำระดับโลกของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ ริโก้ ลีสซิ่ง (Ricoh Leasing) ร่วมลงนามในบันทึกความเข้าใจกับบริษัท ดิ เอสเตท (ไทยแลนด์) จำกัด หรือ The Estate (Thailand) บริษัทในเครือของบริษัทแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย โดยการลงนามครั้งนี้จะมีบทบาทสำคัญของการริเริ่มเชิงกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการขยายธุรกิจในอาเซียน

การเป็นพันธมิตรทางธุรกิจครั้งนี้จะเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจแบบ B2B ระหว่างประเทศญี่ปุ่นและประเทศไทย โดยทั้ง เอ็นพลัส และ ดิ เอสเตทจะช่วยกันเติมเต็มและเสริมสร้างประสบการณ์ในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ในทุกมิติ นำเสนอโซลูชั่นการบริการและประสบการณ์ระดับเวิลด์คลาสให้กับลูกค้า ความร่วมมือระหว่างทั้งสองบริษัทจะทำให้ เอ็นพลัส สามารถขยายธุรกิจในอาเซียน ในขณะที่ ดิ เอสเตท สามารถให้บริการแบบครบวงจรที่ พัฒนาเป็นพิเศษสำหรับลูกค้าองค์กรในญี่ปุ่น และขยายฐานลูกค้าภายในประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย

ดร.เนตรนภิศ สุขบาง ประธานผู้อำนวยการ บริษัท ดิ เอสเตท (ไทยแลนด์) จำกัดกล่าวว่า "การลงนามความร่วมมือกับเอ็นพลัสในครั้งนี้ จะทำให้ดิ เอสเตทรุก ตลาดต่างประเทศในเชิงกลยุทธ์ได้มากขึ้น ด้วยการเป็น “แหล่งข้อมูลทางเลือก” ด้านอสังหาริมทรัพย์สำหรับธุรกิจระหว่างประเทศที่กำลังมองหาโซลูชั่นที่อยู่อาศัยแบบครบวงจรทั้งระยะสั้นและระยะยาวในประเทศไทย

อีกทั้งความร่วมมือกับเอ็นพลัสในครั้งนี้จะเป็นเวทีสำคัญด้านความร่วมมือทางธุรกิจที่มีความเป็นไปได้ผ่านรูปแบบธุรกิจและการลงทุนในอนาคตอีกมากมาย รวมถึงศักยภาพสำหรับแพลตฟอร์มบริการที่อยู่อาศัย/บริการที่อยู่อาศัยข้ามพรมแดนแบบบูรณาการ พร้อมพัฒนาไปสู่เป้าหมายการเป็น World Expat Hub เจาะกลุ่มลูกค้าองค์กรระหว่างประเทศ”

ด้านมิสคานะ คุโมชิตะ (Ms. Kana Kumoshita) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็นพลัส อิงค์ จำกัด (Enplus Inc.) กล่าวเสริมว่า "เรารู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับ ดิ เอสเตท เพื่อขยายธุรกิจในอาเซียนและเผยแพร่ปรัชญาองค์กร ตามแนวคิด "More Value, Less Barrier" (เพิ่มคุณค่าการบริการ ลดอุปสรรคความยุ่งยาก) โดยการร่วมมือกันในครั้งแรกนี้ เรามีเป้าหมายเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคอย่างรวดเร็วรวมถึงลดความซับซ้อนของการเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้ชีวิตและการทำงานในการโยกย้ายที่อยู่ใหม่สำหรับลูกค้าองค์กรระหว่างประเทศอีกด้วย

การลงนามความร่วมมือกับดิ เอสเทตในครั้งนี้ ถือเป็นกลยุทธ์สำคัญที่ท้าทายความสามารถของเราในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งยังเป็นการพัฒนาการทำงานด้านทรัพยากรบุคคลระหว่างประเทศญี่ปุ่นและภูมิภาคอาเซียนให้ง่ายขึ้นด้วย”


กำลังโหลดความคิดเห็น