ประเทศใดปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากที่สุด?! สถาบันวิจัยโรเดียมกรุ๊ป (Rhodium Group) ระบุว่า ในปี 2019 “จีน” ปล่อยก๊าซเรือนกระจกคิดเป็นสัดส่วนถึง 27%“สหรัฐอเมริกา” ตามมาเป็นอันดับที่ 2 โดยปล่อยก๊าซฯ คิดเป็น 11% ขณะที่ “อินเดีย” เป็นอันดับที่ 3 ที่ 6.6%
ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า หากสหรัฐฯ และจีน ไม่ทำข้อตกลงแก้ไขปัญหาด้านนี้ เป็นเรื่องยากที่จะป้องกันการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศของโลกที่จะส่งผลร้าย ซึ่งในปีนี้ก็เกิดขึ้นหลายแห่ง เช่น เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ เมื่อฝนตกบน “ยอดภูเขาน้ำแข็งของกรีนแลนด์” ซึ่งปกติมีอุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง และการเกิดไฟป่ารุนแรงกินบริเวณกว้างถึง 1.6 แสนตารางกิโลเมตร ใน “ไซบีเรีย” ซึ่งเป็นเขตที่อากาศหนาวจัด
โรเดียมกรุ๊ป ระบุว่า ในช่วง 3 ทศวรรษที่ผ่านมา จีนปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากขึ้นถึง 3 เท่า อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ จีนได้ออกมาให้คำมั่นสัญญาว่าจะจำกัดการปล่อยคาร์บอนไม่ให้มีปริมาณสูงเกินสถิติในอดีตภายในปี 2030 และจะควบคุมให้ลดลงไปอีกอย่างต่อเนื่อง จนมีปริมาณการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ในปี 2060
หลังจากที่ประเทศจีนแซงหน้าสหรัฐฯ ขึ้นไปอยู่อันดับหนึ่งแบบทิ้งห่างแบบนำโด่ง ดังนั้น เพื่อปรับปรุงตนเองไม่ให้แย่ไปกว่านี้ นอกจากประกาศเป้าหมาย Net Zero แล้ว เพื่อให้บรรลุผลสำเร็จได้จริง จีนจึงได้ประกาศแผนพัฒนาเศรษฐกิจ ฉบับที่ 14 (ปี 2564-2568) กำหนด 4 แนวทางหลัก เพื่อก้าวไปสู่เป้าหมายลดการปล่อยคาร์บอนจนกระทั่งเหลือศูนย์ (Net zero CO2) และมุ่งไปสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ก่อนปี 2603 ประกอบด้วย
1) ลดความเข้มข้นของคาร์บอน (Carbon Intensity) ต่อหน่วยของ GDP ลงร้อยละ 18
2) เพิ่มการใช้พลังงานที่ไม่ใช่เชื้อเพลิงฟอสซิล (Non-fossil energy) ให้ได้ร้อยละ 20 ของการใช้พลังงานโดยรวม จากปี 2563 ที่มีการใช้อยู่ราวร้อยละ 15.9
3) ลดความเข้มข้นของการใช้พลังงาน (Energy Intensity) ต่อหน่วยของ GDP ลงร้อยละ 13.5 และ 4) เพิ่มยอดขายรถยนต์ EV (Electric Vehicle) ให้ได้ร้อยละ 20 ของยอดขายรถยนต์ทุกประเภท