xs
xsm
sm
md
lg

อุณหภูมิโลกพุ่ง ก๊าซเรือนกระจก คุมไม่อยู่! เหตุสำคัญในการประชุม Cop26

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



เพจเฟซบุ๊ค องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก - องค์การมหาชน หรือ TGO นำประเด็นที่ควรทราบเกี่ยวกับการประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 26 หรือ Cop26 ซึ่งจะมีการจัดประชุมระหว่างวันที่ 31 ตุลาคม- 12 พฤศจิกายน 2021

What is Cop 26?

เป็นเวลาเกือบสามทศวรรษ ที่รัฐบาลของประเทศต่างๆ ได้เข้าร่วมการประชุมในเกือบทุกๆ ปี เพื่อตอบสนองต่อภาวะฉุกเฉินทางภูมิอากาศ ภายใต้อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (United Nations Framework Convention on Climate Change; UNFCCC) ซึ่งจัดตั้งขึ้นเมื่อปี 1992 ทุกประเทศได้เข้าร่วมและผูกพันตามสนธิสัญญา เพื่อป้องกันอัตรายจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และหาหนทางในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในวิถีทางที่มีความเท่าเทียมกัน

COP ย่อมาจากคำว่า Conference of the Parties ภายใต้อนุสัญญา UNFCCC ซึ่งการประชุมประจำปีได้สับเปลี่ยนหมุนเวียนไป ท่ามกลางความซับซ้อน และภาวะขึ้น-ลง ของระดับความสำเร็จในการเจรจาผลักดันต่างๆ มีทั้งชัยชนะและความสำเเร็จ เช่น COP21 ในปี 2015 ที่กรุงปารีส ซึ่งเป็นจุดกำเนิดของความตกลงปารีส หรือความล้มเหลว เช่น การประชุม COP15 ที่กรุง Copenhagen ในปี 2009 สำหรับปีนี้การประชุม COP26 มีกำหนดจัดขึ้นที่เมือง Glasgow สหราชอาณาจักร หลังจากที่ต้องเลื่อนออกมาหนึ่งปีจากปัญหาการระบาดของ Covid-19

When?

การประชุมจะมีขึ้นอย่างเป็นทางการในวันที่ 31 ตุลาคมนี้ ซึ่งจัดเร็วขึ้นหนึ่งวันจากแผนเดิม เนื่องจากความกังวลของปัญหา Covid-19 โดยผู้นำจาก 120 ประเทศทั่วโลกจะเข้าร่วมการประชุมในช่วง 2 - 3 วันแรก และหลังจากนั้นจะปล่อยให้เข้าสู่กระบวนการเจรจาที่ซับซ้อน จากตัวแทนคณะเจรจาจากแต่ละประเทศ โดยมักจะเป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีสิ่งแวดล้อม หรือเจ้าหน้าที่อาวุโสทำหน้าที่เป็นหัวหน้าคณะผู้แทนการเจรจา ประเมินว่าจะมีผู้เข้าร่วมราว 25,000 ที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในการประชุมนี้

ทั้งนี้การเจรจามีกำหนดสิ้นสุดในเวลา 18:00 น. ของวันศุกร์ที่ 12 พฤศจิกายน 2021 แต่จากประสบการณ์ที่ผ่านมาการประชุม COP26 อาจจะยืดยาวออกไปถึงวันเสาร์ หรือวันอาทิตย์ ก็เป็นได้

Why do we need a Cop-don’t we already have the Paris agreement?

ภายใต้ความตกลงปารีส ที่ได้รับการรับรองในปี 2015 ทุกประเทศให้คำมั่นที่จะรักษาการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกไว้ที่ไม่เกิน 2 องศา C จากระดับอุณหภูมิก่อนยุคอุตสาหกรรม ในขณะที่จะมีความพยายามอย่างยิ่งที่จะรักษาการเพิ่มขึ้นเอาไว้ที่ระดับ 1.5 องศา C ซึ่งเป้าหมายนี้มีผลเป็นพันธผูกพันทางกฏหมายที่ช่วยเน้นย้ำความสำคัญของสนธิสัญญานี้

อย่างไรก็ตาม เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายตามความตกลง ประเทศต่างๆ ได้เห็นชอบต่อเป้าหมายที่ไม่ผูกพันที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และสำหรับประเทศกำลังพัฒนาเพื่อที่จะลดการเพิ่มของปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภายใต้ช่วงเวลาเป้าหมายในปี 2030

สำหรับเป้าหมายของประเทศ ที่เรียกว่า Nationally Determined Contributions หรือ NDCs นั้นยังไม่เพียงพอที่จะรั้งการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกไว้ตามเป้าหมายของความตกลงปารีส ซึ่งหากเป็นไปตามนี้ ระดับอุณหภูมิของโลกจะเพิ่มไปถึง 3 องศาC ซึ่งจะเป็นจุดที่เป็นอันตรายอย่างใหญ่หลวง

ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับความตกลงปารีสทราบดีว่า เพียงเป้าหมายของ NDCs นั้นไม่เพียงพอ ดังนั้นฝรั่งเศสจึงสร้างกลไกวงล้อ (ratchet mechanism) ที่ทำให้ทุกประเทศต้องกลับมาที่โต๊ะเจรจาในทุกรอบ 5 ปี เพื่อแสดงเจตจำนงค์การลดก๊าซเรือนกระจกที่เพิ่มมากขึ้น และรอบ 5 ปีแรก ได้ครบกำหนดเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2020 แต่จากปัญหาการระบาดของ Covid-19 ทำให้หลายประเทศยังไม่มีความคืบหน้าในการดำเนินงาน

ทุกประเทศได้ถูกเร่งเร้าให้ปรับปรุงเป้าหมาย NDCs ของตนเองก่อนการประชุม Cop26 จะเริ่มขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมาย 1.5 องศาC ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมาย 2 องศาC เดิมตามความตกลงปารีส โดยนักวิทยาศาสตร์ได้ประเมินว่า หากสามารถลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกลงได้ 45% เมื่อเทียบกับระดับการปล่อยของปี 2010 ภายในปี 2030 และสามารถบรรลุเป้าหมาย net zero ได้ภายในปี 2050 จะเป็นโอกาสที่ดีที่จะรักษาการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิโลกไว้ที่ 1.5 องศาC ได้

Are we nearly there?

เราเข้าใกล้เป้าหมายหรือยัง?...ไม่เลย จากรายงานของสหประชาชาติจากการประเมินเป้าหมาย NDCs ซึ่งรวมถึงเป้าหมายที่ปรับปรุงแล้วของสหรัฐอเมริกา สหภาพยุโรป สหราชอาณาจักร และอีกกว่า 100 ประเทศ นั้นยังไม่เพียงพอ ผลที่ได้คือการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจะเพิ่มขึ้น 16% แทนที่จะเป็นไปตามเป้าหมาย คือมีการลด 45% ตามที่ต้องการ ดังนั้นยังมีอีกหลายสิ่งที่เราต้องพยายามมากยิ่งขึ้น

ข้อมูลที่มา
องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก - องค์การมหาชน , https://bit.ly/3m8finD



Credit Clip United Nation

เลขาฯ ยูเอ็น แจงความจำเป็นเร่งด่วนของโลก จากการประชุม Cop26

ข้อมูลจากคลิป - นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการแห่งสหประชาชาติ พร้อมด้วยประธานาธิบดีแห่งสหราชอาณาจักร COP26 Alok Sharma บรรยายสรุปประเทศสมาชิกระหว่างทางไปกลาสโกว์

เลขาธิการเน้นถึงความจำเป็นในการขยายกลุ่มพันธมิตรที่เพิ่มมากขึ้นเพื่อความเป็นกลางของคาร์บอน - ประเทศที่ตั้งเป้าหมายในการบรรลุการปล่อยมลพิษสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากการสนับสนุนที่กำหนดขึ้นโดยระดับชาติที่มีความทะเยอทะยาน นอกจากนี้ เขายังเน้นถึงความสำคัญของการเจรจาเสมือนจริงในช่วงหลายเดือนข้างหน้า เพื่อเอาชนะข้อจำกัดที่เกิดจากการระบาดใหญ่

“เราต้องการความทะเยอทะยานมากขึ้น ความทะเยอทะยานมากขึ้นในการบรรเทาความทะเยอทะยาน ความทะเยอทะยานในการปรับตัว และความทะเยอทะยานทางการเงิน” เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดโดยข้อตกลงด้านสภาพภูมิอากาศของกรุงปารีส อันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าว (เมื่อวันที่ 8 ก.พ. 2021)

“โลกนี้ยังคงห่างไกลจากเป้าหมายในการอยู่ภายในขอบเขต 1.5 องศาของข้อตกลงปารีส” Guterres เตือน “พันธมิตรระดับโลกเพื่อการปล่อยมลพิษสุทธิเป็นศูนย์จำเป็นต้องเติบโต เพื่อให้ครอบคลุมมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของการปล่อยมลพิษ ซึ่งเป็นเป้าหมายหลักขององค์การสหประชาชาติในปีนี้”

เลขาธิการพร้อมกับประธาน COP26 Alok Sharma ของสหราชอาณาจักรกำลังบรรยายสรุปประเทศสมาชิกบนถนนสู่กลาสโกว์ ซึ่งในเดือนพฤศจิกายนปีนี้ จะมีการจัดประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศครั้งที่ 26 (COP26)

เลขาธิการเน้นถึงความจำเป็นในการขยายกลุ่มพันธมิตรที่เพิ่มมากขึ้นเพื่อความเป็นกลางของคาร์บอน - ประเทศที่ตั้งเป้าหมายในการบรรลุการปล่อยมลพิษสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2050 ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากการสนับสนุนที่กำหนดขึ้นโดยระดับชาติที่มีความทะเยอทะยาน นอกจากนี้ เขายังเน้นถึงความสำคัญของการเจรจาเสมือนจริงในช่วงหลายเดือนข้างหน้า เพื่อเอาชนะข้อจำกัดที่เกิดจากการระบาดใหญ่

“คำพูดไม่เพียงพอ” กูเตอร์เรสกล่าว “อย่างช้าที่สุด COP26 นั้น ทุกประเทศจำเป็นต้องเดินหน้าด้วยการสนับสนุนระดับประเทศที่มีความทะเยอทะยานมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยมีเป้าหมายในปี 2030 ที่สอดคล้องกับเส้นทางสู่ศูนย์สุทธิ”

เขาเรียกร้องให้ “ประเทศเศรษฐกิจหลักและสมาชิกของ G20” เป็นผู้นำและสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนา “โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนาที่เป็นเกาะขนาดเล็กและประเทศที่พัฒนาน้อยที่สุด” เพื่อให้พวกเขา “เพิ่มความทะเยอทะยานด้านสภาพอากาศของพวกเขา”

“ผมนับโดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศ G7 ที่จะส่งมอบ กองทุน Green Climate จะต้องเป็นตัวพิมพ์ใหญ่ทั้งหมดด้วย เราต้องการธนาคารพหุภาคีและธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งชาติทั้งหมดเพื่อให้ข้อตกลงกับปารีสเต็มรูปแบบภายในปี 2024 เป็นอย่างช้า และเรายังต้องจัดการกับความพยายามในการบรรเทาหนี้อย่างมีประสิทธิภาพเพื่อจัดหาสภาพคล่องให้กับประเทศที่เสี่ยงต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศมากที่สุด และนี่คือความพยายามที่เราติดตามอย่างใกล้ชิดในบริบทของการฟื้นตัวของ COVID-19” เขากล่าว

Alok Sharma ประธาน COP26 กล่าวว่า "เราต้องมีวิธีแก้ไขและเตรียมพื้นที่ก่อน COP 26 เพื่อให้เรามาถึงกลาสโกว์พร้อมที่จะปิดข้อตกลง เมื่อปีที่แล้วเราก้าวหน้าทั้งๆ ที่มีการระบาดใหญ่ เรามีงานต่างๆ เช่น การเจรจาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของสหประชาชาติ และอื่นๆ แต่ในปีนี้ต้องไม่ซ้ำรอยปีที่แล้ว”

เว็บไซต์ COP26: https://ukcop26.org/
หมายเหตุ: http://bit.ly/2LzQyp0


กำลังโหลดความคิดเห็น