"สุริยะ" เร่ง ก.อุตฯ อัดยาแรงผ่าน 4 เครื่องมือ 1 กลยุทธ์ สินเชื่อดอกเบี้ยต่ำกว่า 2,500 ล้านบาท ยกระดับภาคการผลิตอุตสาหกรรมไทย พร้อมผนึกกำลังเครือข่ายเทคโนโลยีหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ (Core) ทั่วประเทศ ตั้งเป้าไทยเป็นผู้นำการผลิตและใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติของอาเซียนภายในปี 2569
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงฯ พร้อมขับเคลื่อนสร้างความเข้มแข็งให้กับผู้ประกอบการอุตสาหกรรมทุกระดับรองรับการผลิตสมัยใหม่ ผ่านเครื่องมือสำคัญภายใต้แนวคิด 4 เครื่องมือ (Tools) กับ 1 กลยุทธ์ (Strategy) ประกอบด้วย 1. การให้บริการด้านการพัฒนาระบบข้อมูลและสารสนเทศ (IT) 2.การนำระบบอัตโนมัติ (Automation) มาใช้ในพัฒนาระบบการผลิต เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการผลิต 3.หุ่นยนต์ (Robot) ลดการใช้แรงงานในกระบวนการผลิต และ 4.นวัตกรรม (Innovation) พัฒนานวัตกรรมเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม และ 1 กลยุทธ์ (Strategy) คือ มุ่งพัฒนาการรวมกลุ่มอุตสาหกรรม (Cluster) เพื่อขับเคลื่อนเป็นพลังใหญ่ต่อยอด SMEs ไทยให้เข้มแข็งและสร้างเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน ตลอดจนสนับสนุนการพัฒนาตามแนวทาง BCG Model โดยหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและลดความสูญเสียตลอดทั้งระบบห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain) ของภาคอุตสาหกรรม
นอกจากนี้ กระทรวงฯ เตรียมอัดฉีดเม็ดเงินสินเชื่อจากกองทุนเอสเอ็มอีตามแนวทางประชารัฐจำนวนกว่า 2,500 ล้านบาท ในอัตราดอกเบี้ยต่ำร้อยละ 1 ต่อปี เพื่อให้ผู้ประกอบการ SMEs ทั่วประเทศ เข้าถึงแหล่งเงินทุนเพื่อใช้ปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต โดยมีผู้เชี่ยวชาญด้านบูรณาการระบบอัตโนมัติ (System Integrator : SI) และผู้เชี่ยวชาญจากเครือข่ายศูนย์เทคโนโลยีความเป็นเลิศด้านหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ (CoRE) คอยตรวจสอบวิเคราะห์กระบวนการผลิตและให้คำปรึกษาเทคโนโลยีที่เหมาะสมให้กับโรงงานอุตสาหกรรมทั่วประเทศ โดยการศึกษาวิเคราะห์ความเป็นไปได้ (Feasibility Study) ของการลงทุน
รวมทั้งจัดทำข้อเสนอทางเทคนิคและข้อเสนอด้านการเงินสำหรับ SMEs เพื่อใช้ในการขอสินเชื่อจากกองทุนและจากธนาคารพาณิชย์ ทั้งนี้ เมื่อ SMEs ตัดสินใจลงทุนแล้ว ยังสามารถนำมูลค่าการลงทุนไปขอยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลได้ 3 ปี ตามมาตรการส่งเสริมการลงทุนเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) หรือนำเงินลงทุนในส่วนของเครื่องจักรและระบบอัตโนมัติมาหักเป็นค่าใช้จ่ายได้ 5 รอบบัญชี ตามมาตรการส่งเสริมของกระทรวงการคลัง นอกจากนี้ ในส่วนของผู้ผลิตเครื่องจักรและระบบอัตโนมัติ (AMB) และผู้เชี่ยวชาญด้านบูรณาการระบบอัตโนมัติภายในประเทศ จะได้รับยกเว้นอากรนำเข้าชิ้นส่วนและอุปกรณ์ สำหรับนำมาผลิตหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ ตามประกาศของกรมศุลกากรด้วย
ด้าน นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กระทรวงฯ ได้มีหารือร่วมกับสถาบันคุณวุฒิวิชาชีพ (TPQI) และสมาคมผู้ประกอบการระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ไทย (TARA) เพื่อยกระดับผู้ผลิตเครื่องจักรอัตโนมัติและผู้เชี่ยวชาญด้านบูรณาการระบบอัตโนมัติ โดยพัฒนาหลักสูตรการฝึกอบรม และทดสอบวัดระดับตามมาตรฐานสากล ซึ่งผู้ที่ผ่านการฝึกอบรมจะได้รับการสนับสนุนให้เข้ารับงานจากภาคอุตสาหกรรม โดยกระทรวงฯมีแผนยกระดับขีดความสามารถด้านระบบอัตโนมัติ( Automation) ให้กับผู้ผลิตเครื่องจักร ผู้ผลิตซอฟต์แวร์ และผู้ประกอบการ SI ทั่วประเทศ โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากเครือข่ายศูนย์ความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยีหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ (CoRE) และผู้ประกอบการ SI รายใหญ่จากสมาคม TARA เป็นพี่เลี้ยง ขณะเดียวกัน ยังเตรียมยกระดับการให้บริการภายในกระทรวงฯ เพื่อรองรับอุตสาหกรรม 4.0 โดยปฏิรูปองค์กรไปสู่การเป็นรัฐบาลอัจฉริยะ (Smart Government) โดยเร่งนำระบบดิจิทัลมาให้บริการและปฏิบัติงานภายในกระทรวงในทุกมิติ ไม่ว่าจะเป็น การยื่นขอใบอนุญาตออนไลน์ การขอใบอนุญาตมาตรฐาน มอก. การชำระค่าบริการออนไลน์ การรายงานการประกอบการอุตสาหกรรมผ่านระบบออนไลน์แทนการตรวจสถานประกอบการเพื่อต่ออายุใบอนุญาต รวมถึงเชื่อมโยงข้อมูลและโครงข่ายการให้บริการในด้านต่าง ๆ ของกระทรวงผ่านระบบดิจิทัลซึ่งได้เริ่มดำเนินการแล้ว และในอนาคตจะขยายปรับเปลี่ยนระบบการให้บริการต่าง ๆ ให้เป็นระบบดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ พร้อมพัฒนาแพลตฟอร์มอุตสาหกรรม 4.0 ในการเป็น One Stop Service ให้กับผู้ประกอบการ
นายภานุวัฒน์ ตริยางกูรศรี รองปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม และประธานเครือข่ายศูนย์ความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยีหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ (CoRE) กล่าวเสริมว่า CoRE พร้อมสนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงฯ อย่างเต็มที่ โดยปัจจุบันได้แต่งตั้งคณะกรรมการนโยบายและขับเคลื่อนอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ จำนวน 3 คณะ ประกอบด้วย คณะกรรมการนโยบายอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ (Steering Committee)คณะกรรมการเครือข่ายเทคโนโลยีหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ (CoRE) และคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติภูมิภาค (Regional CoRE Committee) รวม 5 ภูมิภาค โดยมีภารกิจสำคัญ ได้แก่ การพัฒนาเทคโนโลยีและยกระดับบุคลากรด้านหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติของประเทศ รับรองคุณสมบัติของผู้ประกอบการและ SI ที่ต้องการใช้สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ของภาครัฐ รวมทั้ง ให้ความเห็นในเชิงวิชาการสำหรับโครงการที่ขอรับการส่งเสริมการลงทุนตามมาตรการพัฒนาอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) เป็นต้น
ด้าน นายทองชัย ชวลิตพิเชฐ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม กล่าวเสริมว่าที่ผ่านมา เมื่อปี 2560 คณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบมาตรการพัฒนาอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรม S-Curve โดยมีเป้าหมายยกระดับการผลิตภาคอุตสาหกรรมเข้าสู่อุตสาหกรรม 4.0 ให้ประเทศไทยเป็นผู้นำการผลิตและใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติของอาเซียนภายในปี 2569 โดยมีเป้าหมายให้ปี 2564 เกิดการลงทุนอุตสาหกรรมหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติไม่น้อยกว่า 200,000 ล้านบาท เพิ่มจำนวนผู้ประกอบการ SI ในประเทศจาก 200 รายเป็น 1,400 ราย ลดการนำเข้าหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติจากต่างประเทศไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 และโรงงานอุตสาหกรรมมีการใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติร้อยละ 50
ซึ่งปัจจุบันการดำเนินการอยู่ในเป้าหมายระยะกลาง โดยปี 2563 มีการลงทุนในระบบอัตโนมัติ ประมาณ 120,000 ล้านบาท มีระดับการใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติในโรงงานอุตสาหกรรมประมาณร้อยละ 25 และใช้ระบบอัตโนมัติภายในประเทศ ประมาณร้อยละ 12 อย่างไรก็ตามคาดว่าภายหลังสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย ภาคอุตสาหกรรมของไทยจะพร้อมขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืนบรรลุตามเป้าหมายและแผนการดำเนินงาน(Roadmap) ที่ตั้งไว้