เปลี่ยนวิกฤติเป็นโอกาส ปรับตัวสร้างจุดเด่น“ไข่เค็มอัญมณี”ชื่อนี้มาจากความต้องการพัฒนาผลิตภัณฑ์ชุมชนให้ประสบความสำเร็จ และเพราะเชื่อว่าการตลาดที่ดีต้องมีความแตกต่าง จึงเกิดเป็นแนวคิดในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ชุมชนธรรมดาที่ไม่ธรรมดา กลายเป็นจุดขายใหม่สร้างรายได้อย่างงดงาม
สิริกมล พงศ์พัว แห่งบ้านไร่ห่มรัก จังหวัดกาญจนบุรี หนึ่งในชุมชนที่อบรมในโครงการ“พลังชุมชน” เสริมความรู้คู่คุณธรรม สนับสนุนโดยเอสซีจี ด้วยการไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรคและพยายามปรับตัวทุกวิถีทาง เพื่อก้าวข้ามวิกฤติและสร้างรายได้อย่างยั่งยืน จึงนำความรู้จากการเข้าร่วมอบรมมาประยุกต์ใช้ทั้งในเรื่องการทำธุรกิจและการดำเนินชีวิต
ก่อนเผชิญกับโควิด19 สิริกมล รวมกลุ่มกับคนในชุมชนกว่า20 คน ทำศูนย์สร้างอาชีพขายไข่เป็นหลัก มีกล้วยฉาบและหมูทอดเป็นสินค้าเสริม ยอดขายมาจากการออกร้านตามงานต่าง ๆ เป็นหลัก แต่หลังจากสถานการณ์การติดเชื้อที่รุนแรงขึ้น ทำให้ไม่สามารถไปออกร้านขายสินค้าได้ตามปกติ ส่งผลกระทบต่อยอดขายค่อนข้างรุนแรง จึงปรับเปลี่ยนมาขายผ่านช่องทางออนไลน์ แม้จะไม่เคยทำมาก่อน และไม่มีความรู้เรื่องการตลาดออนไลน์ คิดเพียงว่า“เมื่อล้ม เราต้องเปลี่ยน”
สิริกมล เล่าว่า ช่วงต้องกักตัวอยู่บ้าน ยังไงคนก็ต้องหาของกินติดบ้านไว้ และเป็นของที่เก็บไว้กินได้นานๆ ตอนนั้นคิดว่าทุกบ้านมักจะมีไข่เค็มติดบ้าน แต่ทำยังไงจะให้ไข่เค็มของเราโดดเด่นไม่เหมือนที่มีขายในท้องตลาดทั่วไป อันนี้ถือเป็นโจทย์ใหญ่ที่ต้องตีให้แตก จึงนำความรู้จากการอบรมในโครงการพลังชุมชนของเอสซีจี มาประยุกต์ใช้สร้างความแตกต่างให้ชวนซื้อด้วย3 จุดขายสำคัญ ได้แก่1.ไข่เค็มอัญมณีพอกสมุนไพรได้ประโยชน์2.รักษาสุขภาพ เพราะเป็นไข่เค็มโซเดียมต่ำ และ3. อร่อยโดนใจกับไข่แดงยางมะตูม นอกจากนี้ ยังได้ความรู้วิธีดองไข่และทำต้มยำ รวมถึงนำไข่เค็มขาวไปเป็นเกลือโปรตีน และการนำไข่ขาวไปตีฟู อบลมร้อนให้แห้งเป็นเกล็ด แล้วเอามาปั่นจนกลายเป็นเกล็ดผงผสมสมุนไพรสำหรับโรยข้าว”
“เราต้องปรับตัวเพื่อฝ่าวิกฤติไปให้ได้ พยายามหาจุดขายที่แตกต่าง ทำการตลาดมากขึ้น ขายผ่านออนไลน์ เคล็ดลับสำคัญคือ ไข่เค็มต้องถึงมือลูกค้าอย่างไม่บุบสลาย เราแพ้คไข่อย่างนุ่มนวลและแน่นหนา รับประกันอัญมณีทุกเม็ดถึงมือลูกค้าในสภาพสมบูรณ์ ซึ่งผลตอบรับหลังการปรับตัว ปรากฏว่ายอดขายดีขึ้นมีรายได้เพิ่มถึงสี่เท่า จากที่เคยขายไข่เค็มธรรมดามากที่สุดได้แค่ 500 ฟอง แต่ไข่เค็มอัญมณียางมะตูมขายได้อย่างต่ำเดือนละเกือบ 2,000 ฟอง ทำให้เกิดความฮึกเหิมเดินหน้าต่อไปอีก เราเห็นช่องทางปรับตัว เห็นถึงลู่ทางในอนาคต รู้ว่าเราทำได้และเห็นเป้าหมายชัดขึ้น”
สถานการณ์วิกฤติโควิด-19 กลายเป็นโอกาสทางธุรกิจ ผนวกกับการสร้างความแตกต่างให้กับสินค้า “ไข่เค็มอัญมณี” จึงคว้าความสำเร็จมาได้ ด้วยสูตรพอกสมุนไพรให้มีสีสันเปรียบเหมือนอัญมณี นั่นคือ ทองคำ สีเหลืองจากขมิ้น, มรกต สีเขียวจากใบเตย, ทับทิม สีแดงจากฝาง และพลอย สีม่วงจากกระเจี๊ยบ นอกจากสีสะดุดตาแล้ว ยังมีหอมกลิ่นของสมุนไพร และมีโซเดียมต่ำ เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่ห่วงใยสุขภาพ ทั้งยังเพิ่มความอร่อยด้วยไข่แดงสุกเป็นยางมะตูม
เป็นความต่างจากไข่เค็มทั่วไปในท้องตลาด
“อย่ายอมแพ้กับชีวิตง่ายๆ มันจะต้องมีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์เสมอ ชีวิตคนเราล้มได้ก็ลุกได้ ที่สำคัญคือใจต้องคิดสู้ ทุกปัญหาที่เกิดขึ้นมันแก้ได้ หนทางมีให้เราเดินได้เสมอ ทุกคนทำได้แต่ต้องดึงศักยภาพออกมา เราต้องเชื่อมั่นว่าสินค้าของเราดี การนำหลักเศรษฐกิจพอเพียง อยู่อย่างพอมีพอกิน จะช่วยให้เราอยู่รอดได้แม้ต้องเผชิญกับสถานการณ์โควิด-19” สิริกมลทิ้งท้าย
นอกจากผลิตภัณฑ์ “ไข่เค็มอัญมณี” จะใช้เฟสบุ๊ค“บ้านไร่ห่มรัก” เป็นช่องทางติดต่อสื่อสารกับลูกค้าแล้ว ยังสามารถเลือกหาซื้อได้ในเว็บไซต์https://my.eboox.cc/shop/ SCG “ช้อปช่วยชุมชน” ซึ่งมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ อีกมากมายจากโครงการพลังชุมชน ที่จัดหาสินค้าคุณภาพจากชุมชนต่างๆ มาไว้ในที่เดียว
