Credit Clip Guardian News
พื้นที่ป่าฟากตะวันตกของสหรัฐอเมริกา ยังคงเผชิญกับวิกฤตไฟป่าขนาดใหญ่ ตอนนี้ได้ลุกลามจนส่งผลกระทบต่อการอยู่อาศัยของประชาชนในเมืองการ์ดเนอร์วิลล์ รัฐเนวาดา หลังจากที่เริ่มปะทุมาตั้งแต่วันพุธที่ 18 สิงหาคม 2564
ไฟป่าเริ่มไหม้ในเซียร์เนวาดาอยู่กึ่งกลางระหว่างแซคราเมนโตและทะเลสาบทาโฮ เกิดขึ้นเพราะอากาศที่แห้งแล้งรุนแรง ตอนนี้ไฟป่าทำความเสียหายมากกว่า 135,861 ไร่
เนื่องจากปีนี้สภาพภูมิอากาศแถบตะวันตก ในมลรัฐแคลิฟอร์เนีย และเนวาดา ประสบกับภัยแล้งอย่างรุนแรง จนทำให้พื้นที่ป่าทางตะวันตกหลายแสนเอเคอร์เกิดไฟป่าซึ่งเป็นอีกปีต่อเนื่องที่ไฟป่าลุกลามกินพื้นที่เป็นวงกว้างจนทำให้ประชาชนในพื้นที่หลายพันคนต้องอพยพออกไป สิ่งปลูกสร้างหลายร้อยหลังถูกทำลาย
จากข้อมูลของ National Interagency Fire Center ระบุว่าเนื่องจากไฟป่าลุกลามไปทั่วตะวันตก ทำให้ทางการต้องเตรียมความพร้อมด้านไฟในขั้นสูงสุด ระดับ 5 หรือที่เรียกว่า PL 5
“ท้องฟ้าเหนือบางส่วนของเนวาดาและแคลิฟอร์เนีย กลายเป็นสีแดงและสีส้ม เมื่อไฟ Caldor ปะทุขึ้นในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทางเจ้าหน้าที่ประเมินว่าไฟได้ทำลายพื้นที่ป่าแล้วกว่า 12,000 เฮกตาร์ (30,000 เอเคอร์)”
คงจำกันได้ ในเดือนกันยายน 2020 ปีที่ผ่านมา เกิดไฟไหม้ในป่าแคลิฟอร์เนีย ซึ่งในขณะนั้นเผาไหม้ไปกว่า 1.4 ล้านเฮกตาร์ (3.4 ล้านเอเคอร์) ของที่ดิน และฤดูไฟไหม้ถูกคาดการณ์ว่าจะจบได้อีกอย่างน้อยสองสามเดือน และก็เป็นดั่งคาด พร้อมกับได้ประมาณการผลจากไฟไหม้ว่าก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากกว่า 91 ล้านเมตริกตัน ซึ่งมากกว่าการปล่อยเชื้อเพลิงฟอสซิลประจำปีของรัฐแคลิฟอร์เนียประมาณ 25%
ข้อมูลอ้างอิง
https://edition.cnn.com/2021/07/19/us/gallery/western-wildfires-2021/index.html
https://news.mongabay.com/2020/09/off-the-chart-co2-from-california-fires-dwarf-states-fossil-fuel-emissions/
Credit Clip Sky News
ในรายการ Daily Climate ShowทางSky News รายงานถึงระดับของคาร์บอนที่ปล่อยออกมาจากไฟป่าทั่วโลก