บริษัท ซีฟโก้ จำกัด (มหาชน) (SEAFCO) ได้รับคัดเลือกให้เป็น 1 ในบริษัทกลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 ที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environmental Social and Governance: ESG) จากการประเมินหลักทรัพย์จดทะเบียน ในปี พ.ศ.2564 จำนวนทั้งสิ้น 824 หลักทรัพย์
นายณรงค์ ทัศนนิพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซีฟโก้ จำกัด (มหาชน) (SEAFCO) เปิดเผยว่า สถาบันไทยพัฒน์ ประกาศให้ SEAFCO ติดอันดับ ESG100 ประจำปี 2564 ด้วยการคัดเลือกจาก 824 หลักทรัพย์จดทะเบียน (ไม่รวมหลักทรัพย์ที่อยู่ระหว่างการฟื้นฟู) ให้เป็นบริษัทที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และ ธรรมาภิบาล (ESG) ในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง (Property & Construction) และเป็นบริษัทที่เข้าอยู่ในทำเนียบ ESG100 ติดต่อกันเป็นปีที่สาม
“เรามีความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจตามแนวการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยบริหารงานแบบครอบคลุมทั้ง 3 มิติ คือ มิติด้านสังคม มิติด้านสิ่งแวดล้อม และมิติด้านเศรษฐกิจ ภายใต้หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี ควบคู่ไปกับการสร้างความสัมพันธ์อันดีต่อผู้มีส่วนได้เสียอย่างต่อเนื่อง”
นายณรงค์ กล่าวเพิ่มเติมว่า “การทำงานในปีที่ผ่านมา ผู้บริหารและพนักงานในทุกระดับ ได้ร่วมมือกันใช้ความสามารถอย่างเต็มกำลัง จนสามารถฝ่าวิกฤตโรคระบาดโควิด–19 และด้วยสถานการณ์โควิดในปีนี้ แม้ว่างานก่อสร้างจะลดลงและพื้นที่ก่อสร้างจะถูกปิดชั่วคราวตามประกาศของภาครัฐ ทำให้ค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพอนามัยของพนักงานเพิ่มขึ้น และมีแนวโน้มว่าบริษัทอาจรับงานและมีกำไรได้ไม่มากกว่าปี 2563 แต่เรายังคงยืนยันที่จะดูแลคนงานหลายร้อยคนของเราอย่างดีที่สุด”
ทั้งนี้ การจัดอันดับพิจารณาข้อมูลจากการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) และผลประกอบการของบริษัทควบคู่ไปพร้อมกัน
สำหรับสถาบันไทยพัฒน์ เป็นผู้ริเริ่มพัฒนาข้อมูลด้านความยั่งยืนของธุรกิจ ได้เปิดเผยรายชื่อหลักทรัพย์จดทะเบียนที่มีการดำเนินงานโดดเด่นด้าน ESG จำนวน 100 บริษัท หรือที่เรียกว่ากลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 เป็นครั้งแรกในปี 2558 และได้มีการเก็บรวบรวมข้อมูลด้านความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียนและดำเนินการต่อเนื่องมาเป็นปีที่เจ็ดในปีนี้
ขณะที่ การจัดอันดับบริษัทจดทะเบียนด้านการพัฒนาความยั่งยืนของธุรกิจนี้ ถือเป็นแหล่งข้อมูลด้านความยั่งยืนของบริษัทจดทะเบียน เพื่อรองรับความต้องการของผู้ลงทุนที่ให้น้ำหนักการลงทุนในบริษัทที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ และเป็นทางเลือกให้ผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในหลักทรัพย์จดทะเบียนที่มีคุณภาพและได้รับผลตอบแทนที่มิได้ด้อยไปกว่าการลงทุนในแบบทั่วไป