xs
xsm
sm
md
lg

ม.รังสิต ผนึก กลาโหม-แพทย์แผนไทย วิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์กัญชา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



วิทยาลัยเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ร่วมกับ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม และกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ลงนามความร่วมมือ วิจัยพัฒนาการผลิต และจำหน่ายผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์ โดยมีเป้าหมายให้สามารถจำหน่ายในคลินิกกัญชาทางการแพทย์แผนไทยเอกชนในไตรมาสที่ 3 ของปีนี้

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เภสัชกร ธนภัทร ทรงศักดิ์ คณบดีวิทยาลัยเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต เปิดเผยว่า วิทยาลัยเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ได้ร่วมกับ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม และกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ลงนามความร่วมมือโดยวิทยาลัยเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต ดำเนินการวิจัย และพัฒนาผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์ที่มีกัญชา หรือสารสกัดกัญชาเป็นส่วนประกอบ รวมทั้งสนับสนุนและร่วมมือทางด้านการจัดหาวัตถุดิบอื่นๆ ที่ไม่ใช่กัญชา

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เภสัชกร ธนภัทร ทรงศักดิ์ คณบดีวิทยาลัยเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต
“ความสำเร็จในการจับมือทั้ง 3 ฝ่าย ระหว่าง มหาวิทยาลัยรังสิต ที่มีองค์ความรู้เรื่องกัญชาและผลิตภัณฑ์ ฝ่ายที่สองคือ สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม โดยโรงงานเภสัชกรรมทหาร ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการผลิตและได้รับอนุญาตให้ผลิตผลิตภัณฑ์กัญชาได้ และอีกฝ่ายหนึ่งคือ กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ซึ่งเป็นหน่วยงานที่กำกับดูแลเรื่องการใช้กัญชา ที่ได้ทำความร่วมมือกัน โดยม.รังสิต จะเป็นผู้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์และการทำมาตรฐานวัตถุดิบในการที่จะไปทำการผลิตผลิตภัณฑ์ต่างๆ ส่วนโรงงานเภสัชกรรมทหาร มีหน้าที่ผลิตและควบคุมคุณภาพของผลิตภัณฑ์ที่จะผลิตจำหน่ายออกสู่ท้องตลาด และกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก จะเป็นผู้จัดหาวัตถุดิบในเรื่องของช่อดอกกัญชารวมถึงใบกัญชาที่จะใช้ในกระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์กัญชาทางการแพทย์ตามภูมิปัญญาแผนไทย ทั้งนี้ หลังจากที่เราร่วมมือกันในการผลิตผลิตภัณฑ์แล้ว ยังมีความร่วมมือทางด้านวิชาการด้านอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง โดยส่งเสริมการพัฒนาบุคลากรทั้งสามฝ่าย การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ร่วมกัน และมีความร่วมมือต่อไปในอนาคต” คณบดีวิทยาลัยเภสัชศาสตร์ ม.รังสิต กล่าวเสริม

ด้าน ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เภสัชกร เอกพล ลิ้มพงษา อาจารย์ประจำวิทยาลัยเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวว่า สำหรับแผนการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์นั้น มียาไทย 4 ตำรับ ได้แก่ ตำรับศุขไสยาสน์ (รูปแบบแคปซูล) ตำรับประสะกัญชา (รูปแบบแคปซูล) ตำรับทำลายพระสุเมรุ (รูปแบบแคปซูล) และตำรับน้ำมันกัญชา (ตำรับอาจารย์เดชา) โดยในเบื้องต้นจะผลิตเป็นยาแผนไทย เพื่อความสะดวกในการขออนุญาตผลิตและจำหน่าย สำหรับตำรับศุขไสยาสน์ และตำรับประสะกัญชา จะใช้แค่ใบกัญชา ดังนั้น จึงไม่ใช่ยาเสพติด เราสามารถที่จะจัดจำหน่ายได้ โดยทางโรงงานเภสัชกรรมทหาร สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม จะผลิตและจัดจำหน่ายเองก็ได้ หรือจะส่งมอบให้มหาวิทยาลัยรังสิตเป็นผู้จำหน่ายก็ได้ ส่วนอีก 2 ตำรับ คือ ตำรับทำลายพระสุเมรุ และตำรับน้ำมันกัญชา ซึ่งใช้ช่อดอก ทั้ง 2 ตำรับนี้เป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 จึงต้องทำเรื่องขออนุญาตเป็นผู้จำหน่าย ทั้งนี้ หากมหาวิทยาลัยรังสิตได้รับการอนุญาตแล้วก็จะร่วมจำหน่ายด้วย โดยการจำหน่ายเราจะเป็นศูนย์กลางในการกระจายยาเพื่อให้ตลาดต่างๆ ซึ่งเป้าหมายของเราก็คือ คลินิกกัญชาแผนไทยเอกชน

ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.เภสัชกร เอกพล ลิ้มพงษา อาจารย์ประจำวิทยาลัยเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต
“อย่างไรก็ตาม ตำรับที่เลือกมานั้นเป็นตำรับที่ได้รับความนิยมจากการที่แพทย์สั่งจ่ายให้คนไข้ เช่น ตำรับศุขไสยาสน์ และตำรับน้ำมันกัญชา (ตำรับอาจารย์เดชา) จะเป็น 2 ตำรับยาแผนไทยที่ได้รับการจำหน่ายมากที่สุดในประเทศ โดยจะเริ่มจำหน่ายได้ประมาณไตรมาสที่ 3 ของปี 2564 นี้ ส่วนการกำหนดราคาเบื้องต้นมีความตั้งใจว่าจะให้ราคาไม่ต่างจากราคาของที่หน่วยงานรัฐจำหน่าย เนื่องจากข้อจำกัดของคลินิกกัญชาในขณะนี้คือ คลินิกกัญชาของเอกชนจะเข้าไม่ถึงผลิตภัณฑ์เหล่านี้ เราจึงมุ่งเน้นให้ประชาชนเข้าถึงผลิตภัณฑ์ดังกล่าว นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ส่วนหนึ่งหากโรงงานเภสัชกรรมทหารผลิตมาแล้ว เราจะสามารถนำไปใช้ที่คลินิกกัญชาทางการแพทย์ของมหาวิทยาลัยรังสิตได้ และอีกส่วนใหญ่ที่เหลือจะกระจายออกไปในคลินิกกัญชาเอกชนทั่วประเทศต่อไป” ผศ.ดร.ภก.เอกพล กล่าว


กำลังโหลดความคิดเห็น