รองอธิการบดีจุฬาฯ เผย 4 ปัจจัยสำคัญ นำจุฬาฯ ผงาดเป็นมหาวิทยาลัยแห่งความยั่งยืน THE Impact Rankings ปี 2021 อันดับที่ 1 ของเอเชีย อันดับที่ 23 ของโลก เชื่อมั่นพลังคณาจารย์และนิสิตจุฬาฯ สร้างสรรค์งานวิจัยสร้างผลกระทบสูงต่อสังคมไทยและสังคมโลก
รศ.ดร.ณัฐชา ทวีแสงสกุลไทย รองอธิการบดี ด้านการวางและกำหนดยุทธศาสตร์ นวัตกรรมและพันธกิจสากล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า จากผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัย THE Impact Rankings ปี 2021 ซึ่งจุฬาฯ ครองอันดับที่ 1 ของเอเชีย อันดับที่ 23 ของโลก ถือเป็นอันดับที่สูงที่สุด ที่มหาวิทยาลัยไทยเคยได้รับในการจัดอันดับที่มีชื่อเสียงที่สุดของโลกด้านมหาวิทยาลัยแห่งความยั่งยืน ผลการจัดอันดับครั้งนี้เป็นกระจกบานใหญ่ที่สะท้อนถึงคุณภาพมหาวิทยาลัยในมุมมองของนานาชาติ
นอกเหนือจาก QS World University Rankings ซึ่งเป็นการจัดอันดับมหาวิทยาลัยที่จุฬาฯ ครองอันดับ 1 ของประเทศไทยมาโดยตลอดแล้ว กระจกอีกบานหนึ่งที่จุฬาฯ ให้ความสำคัญคือ THE Impact Rankins ซึ่งเป็นการจัดอันดับมหาวิทยาลัยแห่งความยั่งยืน โดยในปีนี้มีมหาวิทยาลัย 1,115 แห่งทั่วโลก เข้าร่วมการจัดอันดับ
รศ.ดร.ณัฐชา เผยถึงความสำเร็จครั้งสำคัญของจุฬาฯ ใน THE Impact Rankings 2021 ว่า เกิดจากการเตรียมการของมหาวิทยาลัยมายาวนาน โดยสภามหาวิทยาลัยได้ให้นโยบายสนับสนุน และอธิการบดีจุฬาฯ ได้กำหนดเป้าหมายของมหาวิทยาลัยในการก้าวขึ้นเป็นมหาวิทยาลัย Top 3 ในอาเซียนภายในปี 2024 รวมทั้งมีการตั้ง SDG Working Team ทำการศึกษาถึงเกณฑ์การวัดผลอย่างละเอียดของ THE Impact Rankings
“เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDG) ของสหประชาชาติมีทั้งสิ้น 17 ข้อ การจัดอันดับมหาวิทยาลัยครั้งนี้จุฬาฯ เลือกส่งข้อมูลเข้าจัดอันดับใน SDG 9 ข้อ ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของจุฬาฯ และจุฬาฯ มีผลงานที่มีความโดดเด่นระดับโลก เมื่อคำนวณคะแนนแล้วคะแนนรวมของจุฬาฯ ในปีนี้สูงมาก ติดอันดับ 1 ของเอเชีย และอันดับ 23 ของโลกโดยคะแนนที่ดีที่สุดของจุฬาฯ คือ SDG 3 (สุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี) SDG 9 (โครงสร้างพื้นฐาน นวัตกรรม และอุตสาหกรรม) SDG 15 (ระบบนิเวศบนบก)” รศ.ดร.ณัฐชา อธิบาย
เบื้องหลังความสำเร็จของจุฬาฯ ที่สามารถครองอันดับ 1 ในเอเชียและอันดับ 23 ของโลก มาจาก 4 ปัจจัยหลัก ดังนี้
1. การวางกลยุทธ์ (Strategy) สร้างความเข้าใจในเรื่องเกณฑ์ SDG ทั้ง 17 ข้อ วิธีวัดคุณภาพมหาวิทยาลัยของ THE Impact Rankings และกติกาการคำนวณ ซึ่งการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโดย THE Impact Rankings สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ของมหาวิทยาลัยคือ “การเป็นผู้นำการสร้างสรรค์องค์ความรู้และนวัตกรรม เพื่อสร้างเสริมสังคมสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” ซึ่งดำเนินการผ่าน 3 ยุทธศาสตร์สำคัญของจุฬาฯ ได้แก่ การสร้างผู้นำแห่งอนาคต (Future Leaders) การสร้างผลงานวิจัย นวัตกรรมที่มีประโยชน์สูงเพื่อสังคม (Impactful Research and innovation) และการพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืน (Sustainability)
2. การวิเคราะห์ Impact Content ได้คัดเลือกผลงานของคณาจารย์และนิสิตที่มีผลกระทบสูงในระดับโลก มีการอ้างอิงในวงวิชาการต่างชาติมาก มีการเชื่อมโยงกับสังคมและในระดับชาติ นำเสนอแก่ THE Impact Rankings
3. การประสานพลังจุฬาฯ ในการทำงานร่วมกัน ตั้งแต่สภามหาวิทยาลัย อธิการบดี ผู้บริหารมหาวิทยาลัย คณะ หน่วยงานต่างๆ เพื่อรวบรวมข้อมูล วิเคราะห์ผลงานวิจัย นวัตกรรมจุฬาฯ ที่โดดเด่นอย่างแท้จริง
4. การเล่าเรื่อง (Storytelling) ผนวกเนื้อหาข้อมูลงานวิจัย นวัตกรรมจุฬาฯ เรียบเรียงเป็นเรื่องราว ที่น่าสนใจ และสื่อสารออกไปว่างานวิจัยและนวัตกรรมนั้นส่งผลกระทบต่อสังคมอย่างไร
รศ.ดร.ณัฐชา กล่าวว่า ผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยโดย THE Impact Rankings ทำให้รับรู้ถึงจุดแข็งของจุฬาฯ และจุดที่ควรเพิ่มเติม สำหรับการจัดอันดับมหาวิทยาลัยในปีหน้าจุฬาฯ ต้องทำให้ดีกว่าเดิม โดยเปรียบเทียบมหาวิทยาลัยที่อันดับดีกว่าว่ามีจุดเด่นอะไร
สิ่งที่วางแผนไว้มี 2 ส่วนคือ
1. การเน้นเรื่องวิจัยให้มากยิ่งขึ้น จากการศึกษาเกณฑ์ THE Impact Rankings จะพบว่า 27% ในทุกๆ เกณฑ์ของ SDG เกี่ยวข้องกับพื้นฐานของการวิจัย หากมีการบูรณาการนวัตกรรมงานวิจัยกับการเรียนการสอน และการบริการวิชาการช่วยเหลือสังคม มหาวิทยาลัยจะเป็นความหวังให้กับสังคมได้อีกมาก ทุกวันนี้บริบททางสังคมเปลี่ยนไปมาก มหาวิทยาลัยไทยต้องพัฒนาผลงานวิจัยขึ้นเองเพื่อให้ทันกับความรู้และสร้างความมั่นคง ในประเทศ มหาวิทยาลัยต้องเป็นกลไกสำคัญที่ตอบโจทย์สังคม
2. จุฬาฯ จะบูรณาการงานสอนและงานบริการสังคม เพื่อสร้างโอกาสความเท่าเทียมแก่คนในสังคม ให้มากยิ่งขึ้น เช่น โครงการจุฬาฯ-ชนบท เพิ่มการศึกษาที่มีคุณภาพ การเรียนรู้ตลอดชีวิต การเรียนการสอน ในรูปแบบออนไลน์ เสริมความรู้เรื่อง SDG ทั้ง17 ข้อให้แก่นิสิตจุฬาฯ
"จุฬาฯ ต้องแข่งขันกับมหาวิทยาลัยในอาเซียนและในเอเชีย การนำมหาวิทยาลัยสู่ความยั่งยืนอันดับ 1 ของเอเชียเป็นเรื่องน่าตื่นเต้น เป็นเครื่องชี้ว่าคุณภาพของมหาวิทยาลัยไทยทัดเทียมมหาวิทยาลัยโลก อยากให้คณาจารย์และนิสิตมุ่งมั่นตั้งใจทำงานวิจัยที่มีประโยชน์สูงต่อสังคม งานวิจัยที่ดีนอกจากจะวัดด้วยการเผยแพร่ผลงานทางวิชาการแล้ว อยากให้มองถึงการนำผลงานวิจัยไปช่วยเหลือสังคมด้วย สมกับสโลแกนใหม่ของจุฬาฯ Innovations for Society” รศ.ดร.ณัฐชา กล่าวในที่สุด