จุฬาฯ ชูกัญชาเพื่อการแพทย์ สร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์หลากหลายจากกัญชา พร้อมทั้งพัฒนาสายพันธุ์กัญชาที่เหมาะสม สำหรับนำไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ เดินหน้าผุดโครงการนำร่องต้นแบบโรงเรือนปลูกกัญชาจัดตั้งโรงสกัดสารจากกัญชาที่ได้มาตรฐานทางการแพทย์ นำความรู้จากงานวิจัยมาต่อยอดทำ “ไอศกรีมกัญชา” 3 สูตร และนำกากกัญชามาพัฒนาเป็นผลงานศิลปะที่เรียกว่า art toy
“กัญชา” พืชเศรษฐกิจที่มีมูลค่าการตลาดสูงมาก ด้วยคุณค่ามหาศาลทั้งด้านการแพทย์ สุขภาพ โภชนาการ ความงาม ฯลฯ ทันทีที่อำนาจรัฐไฟเขียว จุฬาฯ ก็พร้อมจับมือภาคเอกชนและหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องเร่งงวิจัย เดินหน้าพัฒนาสารพัดผลิตภัณฑ์จากกัญชา
เมื่อภาครัฐปลดล็อคกัญชาจากบัญชียาเสพติด สถาบันอุดมศึกษาที่มีความพร้อมก็เดินหน้างานวิจัยอย่างเต็มสูบ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้ริเริ่มทำคลัสเตอร์วิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ยาจากกัญชา (Chula C.A.N.S.) โดยมีคณาจารย์ผู้เชี่ยวชาญสาขาต่างๆ เข้ามาร่วมกันวิจัย นอกจากนี้ ยังตั้ง “ศูนย์วิจัยยาเสพติดวิทยาลัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข” ซึ่งเป็นศูนย์แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศ ที่ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก (WHO Collaborating Centre for Research and Training in Drug Dependence)
ผศ.ภญ.ดร.รุ่งเพ็ชร สกุลบำรุงศิลป์ คณบดีคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ เปิดเผยว่า ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา จุฬาฯ ผลิตงานวิจัยเกี่ยวกับกัญชาน้อยมาก ผิดกับปัจจุบัน (หลังปลดล็อก) ที่มีผลงานหลากหลายประเด็นและจำนวนมาก นอกจากผลงานวิจัยจาก Chula C.A.N.S.แล้วคณะอื่นๆ เช่น เภสัชศาสตร์กับทันตแพทยศาสตร์ ยังร่วมกันสร้างสรรค์งานวิจัยเพื่อพัฒนายากัญชาทางทันตกรรม เช่น ยาป้ายบรรเทาอาการอักเสบของแผลในปาก บางคณะก็สนใจการรักษาโรคระบบประสาท เช่น พาร์กินสัน โรคลมชัก เป็นต้น
หาหุ้นส่วนลงขันแล้วไปต่อ
ภาคเอกชน อาทิ บลูม เมดิก้า บจก. ก็หันมาลงทุนร่วมกับจุฬาฯ พัฒนากัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ สุขภาพและความงามโดยคณะเภสัชศาสตร์และคณะวิทยาศาสตร์ร่วมกันพัฒนาสายพันธุ์กัญชาคุณภาพเพื่อผลิตสารสกัดสำหรับตำรับยา อาหารเสริมและผลิตภัณฑ์บำรุงผิว ประเดิมด้วยการศึกษาสารสกัดที่ออกฤทธิ์ต้านเชื้อไวรัสโคโรน่า ที่มาจากกัญชาสายพันธุ์ไทย ซึ่งมีสารออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท (THC) สูงกว่ากัญชาสายพันธุ์ต่างประเทศ โดยพื้นที่ปลูกกัญชาในโครงการนี้อยู่ที่ อ.กุยบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์
และล่าสุด ศูนย์วิจัยยาเสพติด วิทยาลัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข จุฬาฯ ได้ร่วมมือกับ ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) พัฒนาสายพันธุ์กัญชาที่เหมาะสม สำหรับนำไปใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ ทั้งยังสนับสนุนการจัดตั้งโรงสกัดสารจากกัญชาที่ได้มาตรฐานทางการแพทย์ (Medical Grade) การจัดหาเทคโนโลยีการผลิตและจำหน่ายครบวงจรตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ
ยุทธศาสตร์หนุนเกษตรไทย
ขยับออกไปนอกรั้วจุฬาฯ คือ โครงการนำร่อง ต้นแบบโรงเรือนปลูกกัญชาที่จังหวัดสระบุรีภายใต้การดำเนินงานของศูนย์วิจัยยาเสพติด วิทยาลัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข จุฬาฯ เพื่อยกระดับงานวิจัยและขยายพันธุ์กัญชาคุณภาพสำหรับการแพทย์ งานพัฒนาสายพันธุ์ที่เหมาะสมกับสภาพอากาศท้องถิ่นและงานจำแนกกลุ่มสายพันธุ์ต่างๆ ในประเทศไทย
ศ.ดร.จิตรลดา อารีย์สันติชัย รองคณบดีวิทยาลัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข จุฬาฯ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยยาเสพติดฯ ชี้ว่า พื้นที่กว่าหนึ่งไร่ของจุฬาฯ ดังกล่าวได้รับการควบคุมคุณภาพเป็นพิเศษ เมล็ดพันธุ์ที่นำไปเพาะก็มาจากเมล็ดที่เสร็จสิ้นคดีแล้ว การปลูกกัญชาเป็นแบบชีวภาพที่ปราศจากการใช้สารเคมีใดๆ ทั้งสิ้น ปุ๋ยที่ใช้เป็นปุ๋ยอินทรีย์การไล่แมลงก็ใช้สูตรเฉพาะที่คิดค้นโดยศูนย์ฯ
“เป้าหมายหลักของโรงเรือนต้นแบบคือคุณภาพและปริมาณสูงสุดของสารสกัดกัญชาเราแบ่งเป็น 3 ระบบ หนึ่ง ระบบปิด (In-house) ควบคุมความชื้น อุณหภูมิและแสงจากภายนอก สอง ระบบกึ่งปิด (Greenhouse) มีที่กั้นป้องกันแมลง การระบายอากาศ ใช้แสงจากธรรมชาติ และสุดท้าย ระบบเปิด (Outdoor) ปลูกกลางแจ้ง มีกล้องวงจรปิดควบคุมความปลอดภัย” ศ.ดร.จิตรลดากล่าว
นอกจากนี้ ทางโครงการยังจัดอบรมเกษตรกรในพื้นที่เป็นเวลาหนึ่งวันได้ทดลองปลูกจริงด้วยเทคนิคทางชีวภาพ เริ่มรุ่นแรกปลายเดือนเมษายน 2564
อาหารสุขภาพไอศกรีมกัญชา
การนำกัญชามาใช้ในการปรุงอาหารมีมานานแล้ว แต่ปริมาณเท่าใดจึงจะไม่ส่งผลต่อสุขภาพนั้น เป็นเรื่องที่จะต้องศึกษาวิจัย ในเรื่องนี้ สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ให้การสนับสนุนด้านงบประมาณกับศูนย์วิจัยยาเสพติด วิทยาลัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข จุฬาฯ สำหรับดำเนินโครงการวิจัยการใช้กัญชาอย่างพอเหมาะในส่วนประกอบอาหาร
คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ นำความรู้จากงานวิจัยมาต่อยอดทำ “ไอศกรีมกัญชา” โดยนำใบกัญชา สายพันธุ์ CBD charlotte’s angelที่เหลือใช้จากโครงการคลัสเตอร์วิจัยฯ
รศ.ภญ.ดร.สรกนก วิมลมั่งคั่ง ภาควิชาเภสัชเวทและเภสัชพฤกษศาสตร์ คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ ประธานคลัสเตอร์วิจัยกัญชาและสารธรรมชาติจากกัญชา เปิดเผยว่า ไอศกรีมกัญชาของคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ เป็นต้นแบบของผลิตภัณฑ์จากกัญชาที่มีการควบคุมคุณภาพได้มาตรฐานแตกต่างจากอาหารที่มีส่วนผสมกัญชาตามท้องตลาดทั่วไป
“ไอศกรีมกัญชาของจุฬาฯ มี 3 สูตร สูตรแรกคือกัญชาล้วน สองคือกัญชาผสมชาเขียวโฮจิฉะ และอีกสูตรคือกัญชาผสมชามัทฉะ ทั้งชาเขียวโฮจิฉะและมัทฉะก็มีกลิ่นคล้ายกัญชาอยู่แล้ว พอนำมาผสมกันก็ลงตัว” รศ.ภญ.ดร.สรกนก กล่าว โดยกรรมวิธีการทำไอศกรีมเริ่มจากกระบวนการเตรียมวัตถุดิบ การหมักซึ่งควบคุมคุณภาพตั้งแต่การปลูกแล้วสำหรับเคล็ดลับของไอศกรีมกัญชาจุฬาฯ อยู่ที่การตากแห้งด้วยกลวิธีพิเศษที่ยังคงกลิ่นเฉพาะของใบกัญชา จากนั้นจึงนำมาบดเป็นผงก่อนที่จะนำไปผลิตเป็นไอศครีมกัญชาออกวางจำหน่าย
อ.ภญ.ดร.วราลี ยอดสุรางค์ ภาควิชาเภสัชวิทยาและสรีรวิทยา คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ ผู้ผลิตไอศกรีมกัญชา กล่าวเสริมว่าไอศกรีมกัญชานี้ได้ผ่านการควบคุมปริมาณสาร THC ไม่ให้เกิน 0.2 % ตามกำหนดของกระทรวงสาธารณสุขนอกจากนี้ จุฬาฯ ยังจำกัดอายุผู้ซื้อต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า 18 ปี พร้อมระบุโรคที่ผู้ป่วยไม่ควรรับประทาน
ไอศกรีมกัญชาล็อตแรกมีเพียง 500 กระปุก วางจำหน่ายที่ร้าน Healthyplatz By Double T ของสมาคมนิสิตเก่าเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ และในอนาคต คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ มีโครงการจัดอบรมการทำไอศกรีมกัญชาให้แก่ผู้ที่สนใจด้วย
กัญชาศิลปกรรม “HAYAK” art toy
ครั้งแรกในแวดวงศิลปะร่วมสมัยที่นำกากกัญชามาพัฒนาเป็นผลงานศิลปะ ที่เรียกว่า art toy คือ ตัวคาแรกเตอร์ยักษ์ชื่อ“ HAYAK” มีให้สะสม 13 แบบ 13 สี สร้างสรรค์โดยนิสิตเก่าคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ เป็นผู้สร้างสรรค์
“กากกัญชาที่ใช้สร้างผลงานมาจากกัญชาของกลางจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.)โดยนำมาสกัดให้เหลือแต่กาก จากนั้นนำมาทดสอบคุณสมบัติการยึดเกาะ แล้วจึงนำมาแยกส่วนที่ละเอียดและส่วนที่หยาบ ก่อนจะนำไปผลิตเป็นชิ้นงานต่อไป” วรชัย มัทกิจ นิสิตเก่า คณะเภสัชฯ ในนามบริษัท ไทยทูเกตเตอร์ จำกัด กล่าว
art toy “HAYAK” มีจำหน่ายที่ร้านสมาคมนิสิตเก่าเภสัชศาสตร์ จุฬาฯ ในรูปลักษณ์ของลูกบอล “กาชาปอง” แบบญี่ปุ่น หรือหาซื้อได้ตามตู้จำหน่ายของที่ระลึกอัตโนมัติ ภายใต้ชื่อ "กัญชาปอง HAYAK X CHULA C.A.N.S.” ดูรายละเอียดที่ Facebook Page: HAYAK