สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ที่กลับมาในช่วงก่อนหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์ ทำให้หลายคนเลือกชะลอแผนการเดินทางต่างๆ แต่อีกหลายคนต้องคงแผนเดิมเพื่อไปหาครอบครัวและคนที่รัก หรือต้องการให้รางวัลกับตัวเองด้วยการพักผ่อน ดังนั้นการตั้งสติก่อนเดินทางจึงสำคัญที่สุด โดยเฉพาะช่วงเวลานี้ยิ่งต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นอีกหลายเท่า
ในการฉลองเทศกาลสงกรานต์อย่างปลอดภัยและมีความรับผิดชอบ บริษัท ดิอาจิโอ โมเอ็ท เฮนเนสซี่ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ DMHT ผู้นำด้านเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระดับพรีเมียม ได้ให้ความรู้ความเข้าใจและข้อเท็จจริงที่ถูกต้องเกี่ยวกับแอลกอฮอล์ผ่านโครงการ DRINKiQ ซึ่งนอกเหนือจากสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน เช่น ขับรถเร็ว ไม่สวมหมวกกันน็อค และความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุที่เกิดจากความมึนเมาก็เป็นสิ่งที่สามารถป้องกันได้ หากเรามีสติและรู้วิธีที่จะป้องกัน ที่สำคัญคือ ต้องระลึกไว้เสมอว่าไม่ใช่แค่ “เมาไม่ขับ” แต่ต้อง “ดื่มไม่ขับ” โดยเด็ดขาด
นอกจากนี้ อีกสิ่งสำคัญที่จะทำให้สงกรานต์นี้เป็นวันหยุดยาวที่ปลอดภัยคือการปฏิบัติตามคำแนะนำในการป้องกันการระบาดของโรคโควิด-19 ทั้งการหลีกเลี่ยงการฉลองในพื้นที่สีแดงและสถานที่ที่คนพลุกพล่าน เว้นระยะห่าง ใส่มาส์ก ล้างมือบ่อยๆ และพกเจลแอลกอฮอล์อยู่เสมอ เพราะการใกล้ชิดกันโดยไม่มีอุปกรณ์ป้องกันคือปัจจัยเสี่ยงสำคัญของการระบาดของโรคโควิด-19 ทั้งหมดนี้ ก็เพื่อให้เราได้ฉลองในเทศกาลสำคัญอย่างปลอดภัยและมีความรับผิดชอบ ไม่ว่าจะใช้เวลานอกบ้าน หรือเลือกจะดื่มที่บ้านกับครอบครัวก็ตาม
ทำไมแอลกอฮอล์ถึงอันตราย
สำหรับผู้ที่ต้องเดินทางช่วงสงกรานต์ สาเหตุที่การดื่มแล้วขับเป็นอันตรายอย่างยิ่ง เพราะแอลกอฮอล์ที่อยู่ในเครื่องดื่มมีฤทธิ์กดประสาท ส่งผลให้การตัดสินใจช้าลง จึงเป็นเรื่องต้องห้ามสำหรับการขับขี่ยานพาหนะที่ผู้ขับขี่ต้องมีสมาธิจดจ่อกับท้องถนนและสภาพแวดล้อม ทั้งยังต้องใช้การตัดสินใจอย่างรวดเร็วในสถานการณ์คับขันเฉพาะหน้า การดื่มแล้วขับจะทำให้ปฏิกริยาตอบสนองเหล่านี้ช้าลงจนก่อให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรง เป็นอันตรายต่อทั้งผู้โดยสารและผู้ใช้รถใช้ถนนรอบข้าง โดยปัจจุบันกฎหมายกำหนดปริมาณแอลกอฮอล์ในร่างกายผู้ขับขี่อยู่ที่ไม่เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซนต์ แต่เป็นการยากที่เราจะรู้ตัวว่าปริมาณแอลกอฮอล์ในตัวเกินจากที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ หรือการดื่มในวันนั้นส่งผลต่อร่างกายของเราอย่างไรบ้าง การตระหนักถึงความเสี่ยงจากการดื่มแล้วขับและความรับผิดชอบต่อสังคมจึงเป็นเรื่องสำคัญ หากดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ไม่ว่าจะมากน้อยแค่ไหนก็ควรหลีกเลี่ยงการขับขี่ยานพาหนะอย่างสิ้นเชิง
สูตรลับหนีตำรวจ ช่วยได้จริงหรือ?
อย่างไรก็ตาม มีการบอกต่อ “สูตรลับ” ที่จะช่วยให้แคล้วคลาดด่านตรวจวัดแอลกอฮอล์กันในหมู่นักดื่ม ที่เชื่อว่าหากทำตามแล้วปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดจะลดลงหรือเครื่องวัดจะไม่สามารถตรวจจับปริมาณแอลกอฮอล์ในลมหายใจได้ ไม่ว่าจะเป็นการดื่มนมเปรี้ยว การแปรงฟัน การบ้วนปาก การเคี้ยวหมากฝรั่ง หรือแม้กระทั่งการทานขนมขบเคี้ยวหรืออาหารรสเผ็ด ซึ่งต่างเป็นความเชื่อผิด ๆ ที่ปราศจากการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์ซึ่งสร้างความเสี่ยงและผลเสียต่อสังคมยิ่งขึ้นไปอีก
การกระทำดังที่ได้กล่าวมานั้นลดปริมาณแอลกอฮอล์ในการตรวจวัดได้น้อยมากหรือแทบจะไม่เปลี่ยนแปลงเลย เช่น ที่รู้สึกว่าดื่มนมเปรี้ยวแล้วเป่าเครื่องวัดแอลกอฮอล์ผ่าน ก็เป็นเพราะไขมันในนมที่เข้าไปเคลือบกระพุ้งแก้มและหลอดลม ซึ่งลดปริมาณแอลกอฮอล์ในลมหายใจได้เป็นเวลาชั่วคราวในปริมาณที่น้อยมาก หรือที่บางคนทานอาหารรสเผ็ด ก็เพียงแต่รู้สึกไปเองว่ากลิ่นเหล้าในลมหายใจจางลงเพราะรสเผ็ดกลบ ส่วนนักดื่มเพียงไม่กี่คนที่ทำตามแล้วได้ผลก็เป็นเพราะโชคช่วย รวมไปถึงปัจจัยอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของระยะเวลาก่อนตรวจวัด ปริมาณที่แท้จริงที่ดื่มในวันนั้น หรือสาเหตุอื่น ๆ ที่ไม่ควรนำมาใช้เป็นข้อยกเว้นเพื่อดื่มแล้วขับและมองข้ามความรับผิดชอบต่อสังคม เพราะเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ โดยที่ฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่มีต่อร่างกายและความเสี่ยงที่จะเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนก็ไม่ได้ลดลงตามแต่อย่างใด
ความเข้าใจช่วยเปลี่ยนพฤติกรรม
สำหรับช่วงเทศกาลหยุดยาว แอลกอฮอล์มักถูกมองว่าเป็นสาเหตุหลักที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน แต่ในความเป็นจริงแล้ว ความรับผิดชอบของนักดื่มก็เป็นสิ่งสำคัญ การสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องตามข้อเท็จจริง เพื่อลบล้างความเชื่อผิด ๆ ที่บอกกันปากต่อปากซึ่งเป็นภัยต่อสังคมโดยรวม คือเป้าหมายของโปรแกรม DRINKiQ ที่มุ่งให้ความรู้เกี่ยวกับแอลกอฮอล์ที่ถูกต้อง โดย DMHT ได้จัดทำ DRINKiQ Quiz ที่จะช่วยให้ผู้คนสามารถเรียนรู้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับแอลกอฮอล์ได้ง่าย ๆ ผ่านแบบทดสอบสั้นๆ 10 ข้อ และเว็บไซต์ https://www.drinkiq.com/th-th/ ที่จะช่วยให้ผู้คนสังสรรค์ได้อย่างมีความสุขและรับผิดชอบต่อสังคม และในช่วงเวลาที่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ จำเป็นต้องฉลองภายใต้การป้องกันที่สอดคล้องกับคำแนะนำและมาตรการของรัฐบาลอย่างเคร่งครัด