3เอ็ม บริษัทด้านนวัตกรรมวิทยาศาสตร์ระดับโลกประกาศเจตนารมณ์ในการลงทุนกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 3 หมื่นล้านบาท) ในระยะเวลา 20 ปีข้างหน้า เพื่อเร่งบรรลุเป้าหมายใหม่ด้านสิ่งแวดล้อม ด้วยการปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Carbon Neutrality) ภายในปี 2593 มุ่งลดการใช้น้ำในโรงงานผลิตลง 25% และปล่อยน้ำที่มีคุณภาพกลับคืนสู่ธรรมชาติภายหลังจากใช้ในกระบวนการผลิตแล้ว
นายไมค์ โรมัน ซีอีโอ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัท 3เอ็ม กล่าวว่า “ที่ 3เอ็ม เราเติบโตไปพร้อมกับการเป็นผู้นำด้านการรักษาสิ่งแวดล้อม ความเสมอภาคทางสังคม ความยุติธรรม และหลักธรรมาภิบาล เรากำลังลงมือปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน ลดการใช้น้ำ ตลอดจนปรับปรุงคุณภาพน้ำ โดยการลงทุนครั้งนี้จะช่วยให้เรามีประสิทธิภาพและประสิทธิผลในการรักษาสิ่งแวดล้อมและขับเคลื่อนสู่การเติบโตที่ยั่งยืนในอนาคต การประกาศการลงทุนในวันนี้แสดงให้เห็นอีกครั้งว่า 3เอ็ม ได้นำวิทยาศาสตร์มาใช้ในการยกระดับคุณภาพชีวิตและทำให้โลกของเราน่าอยู่ยิ่งขึ้น ด้วยการมีอากาศที่สะอาดขึ้น คุณภาพน้ำที่ดีขึ้น และการลดของเสีย”
การลงทุนระยะยาวของบริษัทฯ จะช่วยขับเคลื่อนโครงการลดของเสียและควบคุมมลพิษ ลดการใช้น้ำ ตลอดจนจัดหาและนำเทคโนโลยีที่ดีที่สุดมาใช้ในการดำเนินการ การลงทุนดังกล่าวยังจะช่วยให้ 3เอ็ม เร่งปรับปรุงและพัฒนากระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายด้านสิ่งแวดล้อม
ก้าวสู่องค์กรที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593
ด้วยการประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์และความเชี่ยวชาญทางเทคโนโลยี 3เอ็ม คาดหวังว่าจะลดปริมาณก๊าซคาร์บอนลงถึง 50% ภายในปี 2573 และจะลดให้ได้ 80% ภายในปี 25831 ก่อนเข้าสู่การเป็นองค์กรที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ 100% ในปี 2593 นอกจากนี้ 3เอ็ม จะร่วมมือกับลูกค้า รัฐบาล และคู่ค้าทั่วโลก เพื่อลดปริมาณก๊าซคาร์บอน ผ่านการคิดค้นและสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และโซลูชั่นที่เป็นนวัตกรรมใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง
ตั้งแต่ปีนี้เป็นต้นไป 3เอ็ม จะขยายขอบเขตการตรวจสอบโรงงานผลิตที่ได้ทำมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่าการปฏิบัติงานจะสามารถลดการปล่อยมลพิษที่เกิดขึ้นในระหว่างกระบวนการผลิตได้ สำหรับประเทศไทยนั้น 3เอ็ม ได้ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ที่อาคารโรงงาน ซึ่งตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมลาดกระบัง โดยสามารถนำพลังงานหมุนเวียนจากแสงอาทิตย์มาใช้ได้ถึง 14% และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้มากกว่า 670 เมตริกตันต่อปี
ยิ่งไปกว่านั้นโรงงานผลิต2 แห่งในประเทศไทยของ 3เอ็ม ได้แก่ โรงงานลาดหลุมแก้ว และโรงงานลาดกระบัง ได้ประสบความสำเร็จในการบริหารจัดการของเสียจากกระบวนการผลิตได้ตามเป้าหมายการลดการฝังกลบขยะเป็นศูนย์ (Zero landfill) ด้วยการรีไซเคิลของเสียอุตสาหกรรมและการนำไปเป็นเชื้อเพลิงในการผลิตซีเมนต์ผ่านกรรมวิธีการเผาร่วมในเตาเผาปูนซีเมนต์ (Co-processing in Cement Kilns)
นายไมค์กล่าวว่า “เรานำนวัตกรรมของเรามารองรับความท้าทายด้านภาวะภูมิอากาศที่โลกกำลังเผชิญอยู่ เพื่อมุ่งลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนและลดการใช้น้ำให้ได้มากขึ้น นับตั้งแต่ปี 2543 เป็นต้นมา เราได้ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงอย่างมากควบคู่ไปกับการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องของบริษัท โดยสำนักงานใหญ่ของเราได้เปลี่ยนมาใช้พลังงานไฟฟ้าหมุนเวียนโดยสมบูรณ์ นอกจากนี้ เรากำลังก้าวไปสู่เป้าหมายในการลดปริมาณของเสียทั่วโลกโดยมุ่งบริหารจัดการของเสียตั้งแต่แหล่งที่มา นั่นคือการงดใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง และมุ่งดำเนินการให้ฐานการผลิตของเราทั่วโลกลดการฝังกลบขยะเป็นศูนย์”
มุ่งลดการใช้น้ำและปรับปรุงคุณภาพน้ำก่อนคืนสู่ธรรมชาติ
3เอ็ม มุ่งมั่นที่จะลดปริมาณการใช้น้ำในฐานการผลิตต่างๆ ทั่วโลกตลอดทศวรรษข้างหน้าโดยใช้แนวทางเดียวกันกับการลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอน นั่นคือการลงมือดำเนินการทันที เพื่อลดการใช้น้ำลงในทุกๆ เดือน และในระยะยาว โดยมุ่งลดปริมาณการใช้น้ำลง 10% ภายในปี 2565 ลดลง 20% ภายในปี 2568 และลดลง 25% ภายในปี 25731
พร้อมวางแผนจะติดตั้งเทคโนโลยีการบำบัดน้ำที่ทันสมัยที่สุดภายในสิ้นปี 2566 และจะดำเนินการใช้อย่างเต็มระบบในปี 2567 ในทุกๆ ฐานการผลิตของบริษัทที่มีการใช้ปริมาณน้ำสูงสุด การบำบัดน้ำนี้จะช่วยให้บริษัทสามารถนำน้ำที่มีคุณภาพคืนสู่ธรรมชาติภายหลังจากการใช้ในกระบวนการผลิตแล้ว บริษัทจะใช้ความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีขั้นสูงในการกำจัดสิ่งเจือปนออกจากน้ำที่ใช้ดังกล่าว
3เอ็ม มุ่งมั่นที่จะลดการใช้น้ำโดยรวมต่อปีถึง 2.5 พันล้านแกลลอน (ประมาณ 9.5 พันล้านลิตร) โดยพันธกิจใหม่นี้ต่อยอดมาจากเป้าหมายปี 2568 เดิมของบริษัท ในการเข้าไปมีส่วนร่วมสนับสนุนแก่ชุมชนที่เผชิญปัญหาขาดแคลนน้ำในพื้นที่ที่ 3เอ็ม เข้าไปตั้งฐานการผลิต ด้วยแนวทางการบริหารจัดการน้ำของชุมชนโดยรวม
“เรากำลังดำเนินการตรวจสอบโรงงานผลิตของเราแบบเชิงรุกโดยดำเนินการทีละโรงงาน เพื่อลงทุนและปรับปรุงให้ไปได้ไกลยิ่งกว่าเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ และขณะเดียวกันก็ปรับปรุงการดำเนินงานของบริษัทไปพร้อมกันด้วย เรานำเทคโนโลยี 3เอ็ม ไปใช้ในวงกว้าง เพื่อช่วยให้เราสามารถลดการใช้น้ำ บำบัด และนำน้ำกลับมาใช้ใหม่ในกระบวนการผลิตของเราได้มากขึ้น เรากำลังนำเสนอประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของเราแก่ชุมชน เพื่อให้เราสามารถช่วยเหลือผู้อื่นให้มีน้ำที่มีคุณภาพดีขึ้น” นายไมค์กล่าวเพิ่มเติม
จัดหานวัตกรรมแก่ผู้บริโภคชาวไทย
สองปีที่แล้ว 3เอ็ม ได้ประกาศว่านับตั้งแต่ปี 2562 การพัฒนาผลิตภันฑ์เพื่อการจำหน่ายในเชิงพาณิชย์จำเป็นจะต้องบรรลุข้อตกลงด้านความยั่งยืน (Sustainability value commitment) ที่แสดงให้เห็นว่าผลิตภันฑ์สร้างสรรค์ผลกระทบเชิงบวกอย่างไร ยกตัวอย่างเช่น การนำกลับมาใช้ซ้ำ การนำกลับมาใช้ใหม่ การประหยัดพลังงาน การลดของเสีย การประหยัดน้ำ การจัดหาอย่างมีความรับผิดชอบ การใช้วัสดุหมุนเวียนที่เหมาะสมกับผลิตภัณฑ์ตั้งแต่ต้นจนสิ้นสุดวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้น
ในประเทศไทย 3เอ็ม ได้นำเสนอผลิตภัณฑ์ที่ผ่านการรับรองฉลากเขียว เช่น น้ำยาล้างจาน 3เอ็ม ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ ผลิตภัณฑ์ฟิล์มกรองแสงอาคารของ 3เอ็ม กว่า 20 รุ่นยังได้รับการรับรองฉลากประหยัดพลังงานหมายเลข 5 จากกระทรวงพลังงาน อันเป็นการการันตีประสิทธิภาพในการป้องกันความร้อนและลดการใช้พลังงานของเครื่องปรับอากาศ
มุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำด้านความยั่งยืน และการรักษาสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG)
3เอ็ม ได้ดำเนินการอย่างต่อเนื่องมาตลอดหลายทศวรรษเพื่อเป็นผู้นำด้านความยั่งยืนและการรักษาสิ่งแวดล้อม รวมถึงการจัดทำโครงการป้องกันมลพิษ Pollution Prevention Pays ที่ช่วยป้องกันการปล่อยมลพิษกว่า 2 ล้านตัน และในปี 2558 บริษัทได้ตั้งเป้าหมายความยั่งยืนครั้งยิ่งใหญ่สำหรับปี 2568 ที่มุ่งเน้นการใช้วิทยาศาสตร์ของ 3เอ็ม ในการขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงสู่อนาคตที่ยั่งยืนให้เร็วยิ่งขึ้น
ผลิตภัณฑ์ของ 3เอ็ม ช่วยผลักดันผลกระทบเชิงบวกด้านสิ่งแวดล้อมทั่วโลกจากสมรรถภาพและเทคโนโลยีระดับโลกที่หลากหลายของเรา เช่น
•สารกึ่งตัวนำและอิเล็กทรอนิกส์: ผลิตภัณฑ์ของ 3เอ็ม ช่วยให้การผลิตสารกึ่งตัวนำมีประสิทธิภาพมากขึ้น ปรับปรุงประสิทธิภาพและอายุการใช้งานของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เมื่อเรากำลังก้าวเข้าสู่โลกที่ไร้กระดาษ
•การรีไซเคิลและวัสดุจากพืช: 3เอ็ม ช่วยขยายเครือข่ายห่วงโซ่อุปทานและส่งเสริมความต้องการวัสดุรีไซเคิล โดยการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์จากวัสดุรีไซเคิลที่ผ่านการใช้งานโดยผู้บริโภคมาแล้ว และเป็นผู้นำนวัตกรรมวัตถุดิบจากพืชในผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น เทป Scotch™, กระดาษโน้ต Post-it™, และแผ่นใยขัด Scotch-Brite™
•ยานยนต์ไฟฟ้า: วัสดุต่างๆ ของ 3เอ็ม สำหรับการประกอบและมีน้ำหนักเบา เช่น วัสดุไมโครสเฟียร์ 3เอ็ม Glass Bubbles ได้เข้ามาช่วยส่งเสริมเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่รุ่นใหม่ ช่วยลดน้ำหนักของยานยนต์ ช่วยประหยัดเชื้อเพลิงโดยรวม และช่วยให้แบตเตอรี่วิ่งได้ไกลยิ่งขึ้น
•อาคารประหยัดพลังงาน: โซลูชั่นฟิล์มกรองแสง 3เอ็ม ช่วยป้องกันความร้อนจากภายนอกและกักเก็บความเย็นภายใน ทำให้อาคารประหยัดพลังงานมากขึ้น และลดการใช้พลังงานในการทำความเย็นหรือความร้อนให้เหมาะสมกับผู้พักอาศัยและผู้ทำงานในอาคาร
•พลังงานหมุนเวียน: เทคโนโลยีฟิล์ม เทป และกาวของ 3เอ็ม ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้แผงโซลาร์เซลล์สามารถจับแสงอาทิตย์ได้มากขึ้น เพิ่มประสิทธิภาพ และช่วยปกป้องใบกังหันลมจากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงหรือสภาพอากาศที่แปรปรวน ช่วยเสริมสร้างการทำงานที่เสถียร ยืดอายุการใช้งาน และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน
•การปรับปรุงคุณภาพอากาศภายในอาคาร: ผลิตภัณฑ์กรองอากาศในห้อง Filtrete™ และโซลูชั่นการทำความร้อนและความเย็น ช่วยดักจับอนุภาคในอากาศ ทั้งฝุ่น ละอองสำลี ขนสัตว์ และแบคทีเรีย ลดมลพิษทางอากาศภายในอาคาร ทำให้บ้านและที่ทำงานปลอดภัยยิ่งขึ้น