xs
xsm
sm
md
lg

‘เชฟรอน-จุฬา’ พร้อมหนุนรัฐใช้สุนัข K9 คัดกรองหาผู้ติดเชื้อโควิด ไม่แสดงอาการ (ชมคลิปสาธิต)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


สุนัขลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ กำลังดมกลิ่นหากระป่องที่มีเชื้อโควิด-19

โครงการวิจัยสุนัขดมกลิ่นเพื่อตรวจหาผู้ป่วยโควิด-19  (K9 Dogs Sniff COVID-19) พันธุ์ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ (Labrador Retriever) จำนวน 6 ตัว
หลังได้ผลวิจัย “การใช้สุนัขดมกลิ่นตรวจหาผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 (K9 Dogs Sniff COVID-19)” ในระดับความแม่นยำ 80-100% ซึ่งถ้านำไปใช้ตรวจคัดกรองคนเดินทางในพื้นที่สาธารณะ โดยเฉพาะสนามบิน ด่านคนเข้าเมือง ย่อมทำให้ประสิทธิภาพการคัดกรองโรคสูงขึ้น เพราะผู้ติดเชื้อที่ไม่แสดงอาการแทบไม่สามารถเล็ดรอดหลุดไปได้

โครงการวิจัย “การใช้สุนัขดมกลิ่นตรวจหาผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19” หรือ K9 Dogs Sniff COVID-19 ซึ่งเป็นความร่วมมือของ นักวิจัยคณะสัตวแพทยศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ และคณะวิทยาศาสตร์ จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ซึงมอบทุนสนับสนุนจำนวน 1,085,600 บาท ปัจจุบันเริ่มมาแล้วครึ่งทาง (ช่วงเวลาวิจัยตั้งแต่เดือนกันยายน 2563 – กรกฎาคม 2564)

นับว่าเป็นกลุ่มวิจัยแรกที่ทำการฝึกสุนัขพันธุ์ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ (Labrador Retriever) ซึ่งในช่วงเริ่มต้นนี้ได้ฝึกสุนัขจำนวน 6 ตัว ให้พัฒนาทักษะดมกลิ่นจนสามารถตรวจสอบ และจำแนกผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ทั้งที่แสดงอาการและไม่แสดงอาการได้แล้ว


อาทิตย์ กริชพิพรรธ ผู้จัดการใหญ่ฝ่ายสนับสนุนธุรกิจ บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด กล่าวว่า การสนับสนุนการวิจัยนี้ บริษัทฯต้องการให้เป็นชุดความรู้ ที่อาจจะได้นำไปใช้จริงๆ ในการตรวจคัดกรองผู้เดินทางในพื้นที่สาธารณะและในสนามบิน โดยใช้ร่วมกับเครื่องตรวจวัดอุณหภูมิ เพื่อให้มีความแม่นยำการคัดกรองซึ่งจะช่วยลดการแพร่กระจายของเชื้อโรคที่มีประสิทธิภาพสูงขึ้น และทำให้ประเทศไทยฟื้นตัวจากวิกฤตโควิด-19 เร็วขึ้น ก็เป็นแนวปฏิบัติของหลายประเทศนำมาใช้แล้วได้ผลดีขึ้น เช่น ฟินแลนด์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ และออสเตรเลีย อีกทั้งช่วยเสริมสร้างความมั่นใจให้กับวิธีการคัดกรองคนเดินทางจากต่างประเทศมากขึ้น

ต่อจากนี้ เราจะนำสุนัขที่ฝึกไปทดสอบใช้ดมกลิ่นเพื่อคัดกรองพนักงานของเชฟรอนที่จะเดินทางไปปฎิบัติงานนอกชายฝั่ง ณ จุดคัดกรองที่จังหวัดสงขลาต่อไป พร้อมมุ่งหวังว่าจะได้นำผลงานวิจัยตีพิมพ์เผยแพร่ ให้เกิดประโยชน์แก่วงวิชาการทั่วโลก เป็นอีกต้นแบบในการฝึกสุนัขดมกลิ่นเพื่อใช้งานทางการแพทย์ชุดแรกในประเทศไทย และพร้อมถ่ายทอดองค์ความรู้ไปยังหน่วยงานภาครัฐ และหน่วยงานอื่น ในวงกว้างยิ่งขึ้น โดยเฉพาะ ณ จุดคัดกรองโรคในพื้นที่สาธารณะ สามารถลดค่าใช้จ่ายและระยะเวลาในการตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ RT-PCR ตลอดจนเพิ่มศักยภาพในการคัดกรองผู้เดินทางเข้าประเทศไทย รวมถึงนำไปใช้งานตรวจวิเคราะห์โรคต่างๆ กับมนุษย์ ซึ่งถ้าหากภาครัฐต้องการใช้แนวปฏิบัตินี้ไปเสริมสร้างประสิทธิภาพในการคัดกรองผู้ติดเชื้อโควิด-19 เราก็พร้อมให้ความร่วมมือ


ด้าน พญ.ปัทมา ต.วรพาณิช คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นอาจารย์ประจำศูนย์โรคอุบัติใหม่ด้านคลินิก โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ กล่าวว่า ในกรณีการนำไปใช้ในพื้นที่สนามบินที่มีผู้คนจำนวนมาก แล้วจะให้สุนัขไปดมคนเดินผ่านโดยตรงนั้น ความสำเร็จอาจจะน้อย เพราะมีปัจจัยกวนของกลิ่นเหงื่อและกลิ่นอื่นๆ จึงต้องมีการแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มเสี่ยงสูง ควรใช้การตรวจ RT-PCR ในกลุ่มนี้จะไม่นำสุนัขไปดม ในส่วนอีกกลุ่มที่อาจจะมีความเสี่ยง ซึ่งจะต้องใช้การคัดกรองอุณหภูมิด้วย ก็อาจจะนำสุนัขไปช่วยเสริมการคัดกรอง เพราะสุนัขจะได้รับกลิ่นของผู้ป่วย ที่ไม่แสดงอาการ และจะต้องมีการปรับเปลี่ยนวิธีการเก็บตัวอย่างเหงื่อ ด้วยการให้ผู้ที่คัดกรองเช็ดเหงื่อเอง เพื่อคัดกรองได้อย่างแม่นยำมากขึ้น

จุดประสงค์ของโครงการนี้ คือการฝึกสุนัขดมกลิ่นผู้ป่วยโควิด-19 แบบไม่แสดงอาการ ที่แตกต่างจากการใช้เครื่องวัดอุณหภูมิร่างกาย เพราะเมื่อผู้ป่วยโควิด-19 ไม่มีไข้ ก็จะสามารถเดินผ่านไปได้ แต่สำหรับสุนัขจะสำรวจดมกลิ่นเหงื่อได้ดี เพราะผู้ป่วยโควิด-19 ในเหงื่อจะมีสารที่แตกต่างจากคนปกติ จึงลดโอกาสการเล็ดรอดของผู้ป่วยโควิด-19 ที่ไม่มีไข้ จากการดำเนินโครงการตั้งแต่เดือนกันยายน 2563 ได้เก็บตัวอย่างเหงื่อในเดือนพฤศจิกายน แบ่งเป็น การดมเหงื่อผู้ป่วยติดเชื้อโควิดแล้ว 30 คน และเหงื่อของคนปกติไม่ติดเชื้อ 24 คน แต่ระยะแรกจะให้สุนัขจำกลิ่นเหงื่อใต้รักแร้ที่ดูดซับโดยแท่งสำลี และกลิ่นเหงื่อจากถุงเท้าของผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 และคนปกติที่ได้รับการยืนยันผลตรวจโดย RT-PCR แล้ว ซึ่งจะมีทีมแพทย์และสัตวแพทย์ดูแลด้านความปลอดภัยทางชีวภาพ ถึงแม้ว่าในเหงื่อจะไม่มีเชื้อไวรัส ทางคณะผู้วิจัยก็ได้ทำการฆ่าเชื้อที่อาจปนเปื้อนมาในเหงื่อด้วยวิธีตามเกณฑ์มาตรฐานสากล


ศ.สพ.ญ.ดร.เกวลี ฉัตรดรงค์ คณะสัตวแพทย์ศาสตร์ จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย หัวหน้าโครงการวิจัยสุนัขดมกลิ่นเพื่อตรวจหาผู้ป่วยโควิด-19 (K9 Dogs Sniff COVID-19) ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในทางการแพทย์ ได้มีการใช้สุนัขดมกลิ่นเพื่อตรวจหาโรคมาแล้วหลายชนิด เช่น โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคมาลาเรีย โรคลมหลับ โรคไมเกรน อาการชัก รวมถึงโรคอื่นๆ ที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียและไวรัสอยู่แล้ว

“ส่วนผลทดสอบจากสุนัขที่ฝึก 6 ตัว ในการค้นหาตัวอย่างผลบวก โดยความไว(ค่าวัดผลที่ดมผลบวกถูกต้อง) 96-98% ความจำเพาะ(ค่าวัดผลที่ดมผลลบถูกต้อง) 82.2% ความแม่นยำ 94.8% หมายความว่าโอกาสผิดพลาดมีเพียง 5.2% เมื่อเทียบกับความไวของชุดตรวจที่ผ่านมาตรฐานโดยคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) คือ ความไวของแอนติบอดี้ 85% และแอนติเจน 90% ในส่วนของความจำเพาะของทั้งสองชนิดอยู่ที่ประมาณ 98% และเมื่อเทียบกับสุนัขที่ประเทศเยอรมันนี ความไวอยู่ที่ 82.6% ความจำเพาะ 96.4% และมีความแม่นยำใกล้เคียงของไทยอยู่ที่ 94%”

ทั้งนี้ ในการนำสุนัขมาฝึกดมกลิ่นหาผู้ป่วยโควิด-19 ได้ผ่านคณะกรรมการกำกับดูแลการเลี้ยงและใช้สัตว์เพื่องานทางวิทยาศาสตร์ ในการรับรองว่าสุนัขจะไม่ติดเชื้อโควิด-19 และไม่มีผลทางด้านลบต่อสวัสดิภาพของสุนัข โดยจะได้รับการฝึกเพื่องานในโครงการนี้โดยเฉพาะ ซึ่งผลงานวิจัยสามารถนำไปใช้ได้จริง แต่หากจะขยายในพื้นที่ใหญ่ขึ้นอาจจะต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม


ด้าน กิ่งกาน แก้วฝั้น ผู้จัดการโครงการ บริษัท พี คิว เอ แอสโซซิเอท จำกัด กล่าวว่า การฝึกสุนัขดมกลิ่นผู้ป่วยโควิด-19 เลือกใช้พันธุ์ลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ (Labrador Retriever) เพราะมีอุปนิสัยที่เป็นมิตร เข้ากับคนง่าย อีกทั้งยังเป็นสุนัขหน้ายาว ที่มีประสาทสัมผัสที่ดีกว่าพันธุ์อื่นๆ ทั้ง 6 ตัว มีอายุเฉลี่ยประมาณ 7 เดือน-1 ปี “การเลือกเขามาฝึกนั้นจะต้องมีความพร้อมด้านสุขภาพที่ดี ยังไม่ผ่านการฝึกใดๆ ในการฝึกครั้งแรกได้ครูฝึกจากตำรวจตระเวนชายแดนที่ 43 มาเป็นผู้ช่วยฝึกอบรมการบังคับสุนัข ตั้งแต่เริ่มฝึกจนถึงตอนนี้ใช้เวลาราว 6 เดือน แบ่งการฝึกตามโมเดลเดียวกับการฝึกดมหาสารเสพติดและคำสั่งทั่วไป

“การฝึกดมหาผู้ติดเชื้อโควิด ได้เริ่มทำใน 3 เดือนหลัง โดยการใช้เทคนิคการสลับตัวอย่างกลิ่นเหงื่อ และเทคนิคความแม่นยำ โดยใช้อุปกรณ์วงเวียนทดสอบ 6 ขาใส่กลิ่นเหงื่อในกระป๋องที่เหมือนกันหมดและหมุน โดยภายในกระป๋องบรรจุเหงื่อของทั้งผู้ป่วยโควิด-19 และคนปกติ เมื่อสุนัขได้กลิ่นผู้ติดเชื้อโควิดก็จะนั่งลงทันที ในส่วนการทำงานจากการประเมินของสุนัขแต่ละตัวจะใช้เวลาตัวละประมาณ 3 นาที ไม่เกิน 5 นาที ซึ่งเป็นหลักการเดียวกับที่ใช้รดมกลิ่นหาสารเสพติด”



ในคลิป เป็นการสาธิตการฝึกสุนัขลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ (Labrador Retriever) ทั้ง 6 ตัว โดยมีดาบตำรวจ ณัฏฐพล สายคำ ผู้ให้การสนับสนุนด้านการฝึกสุนัข สังกัดกองกำกับการตำรวจตระเวนชายแดนที่ 43 เป็นผู้อธิบาย ซึ่งจะเห็นการใช้เทคนิคการสลับตัวอย่างกลิ่นเหงื่อ จากการใช้อุปกรณ์วงเวียนทดสอบ 6 ขา พร้อมใส่กลิ่นเหงื่อในกระป๋องทั้ง 6 กระป๋อง แต่จะมีกระป๋องเดียวที่มีเชื้อโควิด พอสุนัขได้กลิ่นกระป๋องที่มีเชื้อโรคจะนั่งลงทันที