กรณีพบเสือลายเมฆ สัตว์ป่าคุ้มครองประเภท 1 สัตว์นักล่าขนาดกลางบาดเจ็บหนักจากการถูกลอบยิง ชาวบ้านแจ้งและพบตัวอยู่นอกเขตอุทยานแห่งชาติคลองพนม ล่าสุดหมอทำการผ่าตัดกระสุนบริเวณต้นคอแล้ว แต่ยังต้องลุ้นให้พ้นขีดอันตราย
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หลังนายชนกร อักษรเพ็ชร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติคลองพนม ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ว่ามีชาวบ้านในพื้นที่พบเสือลายเมฆได้รับบาดเจ็บ 1 ตัว เจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เข้าตรวจสอบ พบเสือลายเมฆได้รับบาดเจ็บบริเวณขาขวาหน้าลักษณะคล้ายรอยกระสุน ไม่สามารถขยับตัวอยู่ในสภาพอิดโรย บริเวณบาดแผลเริ่มเน่า คาดได้รับบาดเจ็บมาแล้วไม่น้อยกว่า 3 วัน
จากการสอบถามจากชาวบ้านบริเวณใกล้เคียงไม่มีใครทราบตัวผู้กระทำความผิดแต่อย่างใด ซึ่งพื้นที่ที่พบอยู่นอกเขตอุทยานแห่งชาติคลองพนม จังหวัด(สุราษฎร์ธานี ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้มอบสัตว์ป่าดังกล่าวให้สัตวแพทย์ประจำสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 4 (สุราษฎร์ธานี) ทำการรักษา และดำเนินการร้องทุกข์กล่าวโทษเพื่อหาตัวผู้กระทำความผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมายตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 มาตรา 12 ห้ามมิให้ผู้ใดล่าสัตว์ป่าสงวนหรือสัตว์ป่า
ด้านนายสัตวแพทย์ปิยะ เสรีรักษ์ นายสัตวแพทย์ประจำสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 4 (สุราษฎร์ธานีั) เปิดเผยว่า จากการตรวจสอบเบื้องต้นคาดว่าเสือลายเมฆตัวดังกล่าวได้รับบาดเจ็บมาหลายวันเนื่องจากมีสภาพอิดโรย มีภาวะร่างกายขาดน้ำ และซูบผอม มีลักษณะภายนอกพบรอยคล้ายรูกระสุน อาการค่อนข้างน่าเป็นห่วง จึงส่งตัวต่อไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลสัตว์เล็ก คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
เบื้องต้นอาจารย์นายสัตวแพทย์รัฐพันธ์ พัฒนรังสรรค์ และเจ้าหน้าที่ได้ทำการวางยาสลบและ x-ray เพื่อดูว่ามีกระสุนอยู่ภายในร่างกายหรือไม่ ผลปรากฏว่ามีหัวกระสุนฝังอยู่ภายในร่างกาย จำนวน 1 ลูก จุดที่พบบริเวณต้นคอ นายสัตวแพทย์จึงทำการผ่าตัดนำหัวกระสุนออก และทำแผลให้สะอาด ผลตรวจเลือดอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งเสือลายเมฆจะต้องอยู่พักฟื้นที่โรงพยาบาลสัตว์เล็ก คณะสัตวแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์ เป็นระยะเวลาอย่างน้อย 10 วัน เพื่อให้อยู่ใกล้หมอและต้องรอให้อาการพ้นขีดอันตรายก่อนจึงจะดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป
สำหรับเสือลายเมฆเป็นสัตว์ป่าคุ้มครอง ลำดับที่ 173 นับเป็นเสือชนิดที่มีลวดลายสวยงาม ภัยคุกคามอับดับแรกคือการสูญเสียถิ่นที่อยู่ รองลงมาคือการล่าเพื่อเอาหนัง สถานะปัจจุบันตามกฎหมายไทย เสือลายเมฆจัดเป็นสัตว์ป่าคุ้มครองประเภทที่ 1 ตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พุทธศักราช 2562 และไซเตสจัดเสือลายเมฆอยู่ในบัญชีหมายเลข 1สถานภาพด้านประชากรไอยูซีเอ็นจัดว่าอยู่ในกลุ่มเสี่ยงสูญพันธุ์
ข้อมูลอ้างอิง ประชาสัมพันธ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช
เสือลายเมฆ สัตว์ผู้ล่าขนาดกลาง ยังเสี่ยงภัยจากพรานล่าเอาหนัง
ก่อนหน้านี้ ปลายเดือนพฤศจิกายน 2563 กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช รายงานพบเสือลายเมฆ ที่ใกล้จะสูญพันธุ์ในประเทศไทย ในรอบ 20 ปี แถบป่าเทือกเขาพนมดงรัก ซึ่งถือเป็นความสำเร็จด้านการลาดตระเวนเพื่อคุ้มครองพื้นที่ป่า รวมถึงการจัดการพื้นที่ทุ่งกบาลกะไบตามโครงการปล่อยสัตว์ป่า คืนวนาเพื่อป่าสมบูรณ์ ประกอบกับ “การลาดตระเวนเชิงคุณภาพ smart patrol” ที่ได้มีกำชับให้เจ้าหน้าที่ลาดตระเวนอย่างเข้มข้นซึ่งช่วยให้สัตว์ป่าเหล่านี้รอดพ้นจากภัยคุกคาม และนำมาซึ่งความหลากหลายทางสัตว์ป่าและพันธุ์พืชอีกครั้ง โดยเริ่มจากสัตว์ผู้ล่าขนาดเล็ก เช่น หมาไน หมาจิ้งจอก แมวดาว เข้ามาอาศัยในพื้นที่เพื่อล่าสัตว์ที่อ่อนแอเป็นอาหาร จนกระทั่งในวันนี้ พื้นที่ป่าอนุรักษ์ ขสป.พนมดงรัก พบ “เสือลายเมฆ” ซึ่งเป็นสัตว์ผู้ล่าขนาดกลางเข้ามาอาศัยในพื้นที่
อย่างไรก็ตาม เมื่อต้นเดือนธันวาคม 2563 เจ้าหน้าที่ชุดปฏิบัติการปราบปรามการกระทำความผิดด้านสัตว์ป่าและพืชป่า (ชุดเหยี่ยวดง) หน่วยเฉพาะกิจปฏิบัติการพิเศษผู้พิทักษ์อุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่า (พญาเสือ) ชุดปฏิบัติการพิเศษ 1362 สำนักป้องกัน ปราบปราม และควบคุมไฟป่า เจ้าหน้าที่สำนักงานสนับสนุนการป้องกันและปราบปรามที่ 1 (ภาคกลาง) ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และเจ้าหน้าที่ตำรวจภูธรเมืองสุพรรณบุรี ได้เข้าตรวจสอบการประกาศขายซากสัตว์ป่าคุ้มครองจำพวกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ชนิดหนังเสือลายเมฆ ผ่านทางเพจเฟซบุ๊กชื่อ "สมาคมนักนิยมผู้สะสมเครื่องรางของขลังของทนสิทธิ์" เจ้าหน้าที่จึงได้ให้สายลับติดต่อขอซื้อซากหนังเสือลายเมฆในราคา 10,000 บาท โดยนัดรับของบริเวณท้องที่ ต.ท่าพี่เลี้ยง อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี ต่อมาได้เข้าตรวจยึด-จับกุมพบซากสัตว์ป่าคุ้มครองจำพวกสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ชนิดหนังเสือลายเมฆ จำนวน 1 ซาก (ลักษณะสมบูรณ์) ซี่งแสดงว่าเสือลายเมฆยังตกเป็นเป้าของพรานล่าเพื่อเอาหนัง และใช้สื่อออนไลน์เป็นเครื่องมือทำการซื้อขาย