รอยเตอร์ ประเทศญี่ปุ่น รายงานถึงกลยุทธ์การเติบโตสีเขียวของประเทศญี่ปุ่น ที่มีเป้าหมายสำคัญ แบนรถยนต์ใหม่ที่ใช้น้ำมันเบนซินภายในกลางทศวรรษที่ 2030 โดยเปลี่ยนไปใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) รวมถึงรถยนต์ไฮบริดและรถยนต์เซลล์เชื้อเพลิง
ทางการญี่ปุ่น ได้พูดถึงแผนการในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นศูนย์ ด้วยการส่งเสริมชาวญี่ปุ่นใช้พลังงานสีเขียวเพื่อทดแทนน้ำมันจากฟอสซิล พร้อมการจัดสรรงบประมาณกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี หวังให้แล้วเสร็จภายในปี ค.ศ.2050
กลยุทธ์พลังงานพลังงานสีเขียว (Green growth strategy) ชี้เป้าแรกๆ ไปที่อุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศ เพื่อให้บรรลุไปตามคำปฏิญาณของ นายโยชิฮิเดะ ซูกะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นที่กล่าวว่าจะลดการปล่อยกำซคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นศูนย์ภายในกลางศตวรรษนี้ (ค.ศ.2050)
โดยรัฐบาลจะเสนอมาตราการสนับสนุนเงินทุนและจูงใจด้านภาษี ตั้งเป้าไว้ที่ 90 ล้านล้านเยน (เท่ากับ 870 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ต่อปีเพิ่มเติมเพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจผ่านการลงทุนในพลังงานสีเขียว ภายในปี 2030 และเพิ่มอีก 190 ล้านล้านเยน (เท่ากับ 1.8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) เพื่อเร่งอัตราการใช้ยานยนต์ไฟฟ้า ทางรัฐบาลได้ตั้งเป้าที่จะลดราคาแบตเตอร์รี่รถยนต์ลงมากกว่าครึ่งหนึ่งของราคา หรือ 10,000 เยน ภายในปี 2030
นอกจากนี้ มีเป้าหมายที่จะเปลี่ยนเชื้อเพลิงสำหรับเรือเดินทะเลไปเป็นเชื้อเพลิงที่สะอาดกว่าเช่นไฮโดรเจนและแอมโมเนียภายในปี 2050 และตั้งเป้าหมายที่จะมีบ้านและอาคารใหม่ทั้งหมดที่จะสร้างขึ้นด้วยเทคโนโลยีการปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ภายในปี 2030
สำหรับกลยุทธพลังงานสีเขียวดังกล่าว วางเป้าหมายเอาไว้ว่าเน้นไปที่อุตสาหกรรม 14 ประเภท เช่น ฟาร์มลมนอกชายฝั่งทะเล และเชื้อเพลิงแอมโมเนีย เป็นต้น
นอกจากนั้น ยังตั้งเป้าหมายที่จะใช้พลังงานหมุนเวียนให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ภายในปี ค.ศ. 2050 โดยหลักๆจะเน้นไปที่พลังงานจากกังหันลม โดยตั้งใจจะเพิ่มอัตราการใช้พลังงานทดแทนเป็น 50% - 60% ภายในปี 2050 ซึ่งมากกว่าปัจจุบันที่ใช้อยู่เพียง 20% และลดการใช้พลังงานจากนิวเคลียร์อีกด้วย
ข้อมูลอ้างอิง :http://reut.rs/3ivttQo