ตั้งแต่ต้นปี 2563 สถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ทำให้วิถีชีวิตของเราเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง มากที่สุดก็คือการสวมหน้าอนามัยหรือหน้ากากผ้าทุกครั้งที่ออกจากบ้าน รองลงมาก็คงเป็นการใช้ชีวิตในบ้านมากขึ้นกว่าเมื่อก่อน จนมีกระแสของ Smart Home หรือบ้านอัจฉริยะที่จะช่วยให้เราใช้ชีวิตได้สะดวกขึ้นตามมาด้วย
และหนึ่งในความสะดวกสบาย ที่สร้างความประหยัดจากค่าไฟฟ้าหลักของ Smart Home คือบ้านที่ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพื่อชะลอวิกฤตสภาพภูมิอากาศ ก็ต้องเป็นบ้าน ที่อยู่อาศัยที่มีการติดตั้งโซลาร์เซลล์บนหลังคาเรือน หรือที่เรียกว่า โซลาร์ รูฟท็อป (Solar Rooftop)
เมื่อพูดถึงความต้องการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาเรือนนั้นมีมาก่อนหน้าที่เราต้องกักตัวอยู่กับบ้านเพราะโควิด-19 จนมาถึงตอนนี้ เป็นช่วงปลายปี 2563 ใกล้ต้อนรับปีใหม่ ปี 2564 การแพร่ระบาดโควิด-19 กำลังกลับมาแพร่ระบาดภายในประเทศอีกรอบ นั่นอาจจะทำให้เกิดสถานการณ์บังคับให้ประชาชนต้องใช้ไฟอยู่กับบ้านด้วยมาตรการล็อกดาวน์อีกครั้ง
แน่นอนค่าไฟฟ้าที่ต้องจ่ายจะกลับมามากขึ้น จากที่ไม่เคยใช้ไฟฟ้าในตอนกลางวันเลยก็ต้องใช้มากขึ้น การติดตั้งโซลาร์เซลล์ก็ดูจะเป็นหนึ่งในวิถีใหม่ที่ดีกว่าเดิมเพื่อลดภาระค่าไฟฟ้าได้ในระยะยาว รวมทั้งยังได้ลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไปพร้อมๆ กันอีกด้วย
กรีนพีซ ประเทศไทย ได้รวบรวม 7 ขั้นตอนต้องรู้ในการติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป เพื่อให้ทุกคนที่ต้องการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์เข้าใจขั้นตอนก่อนการติดตั้งแผงให้มากขึ้นก่อนตัดสินใจ
1.เช็คพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าในบ้านด้วย บิลค่าไฟฟ้าย้อนหลัง 3 เดือน – 1 ปี
ก่อนจะหาสเปคแผงโซลาร์เซลล์ หรือคิดว่าบ้านเราจะต้องติดตั้งกี่แผงดี? หยุดความคิดนั้นก่อน เพราะสิ่งที่ต้องทำอันดับหนึ่งคือต้องคำนวนว่าบ้านเราใช้ไฟฟ้ามากน้อยแค่ไหน ด้วยการดูบิลค่าไฟฟ้าย้อนหลัง 3 เดือน – 1 ปี เพราะพฤติกรรมการใช้ไฟฟ้าของเราจะเป็นเหมือนแนวทางให้เราสามารถตัดสินใจได้ว่าเราจะติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ที่มีกำลังผลิตเท่าไร
2.สำรวจปริมาณการใช้ไฟฟ้าทั้งกลางวันและกลางคืน
ลองดูว่าปริมาณที่เราใช้ไฟฟ้าในตอนกลางวันมากน้อยแค่ไหน เอามาเปรียบเทียบกับปริมาณการใช้ไฟฟ้าในตอนกลางคืน เราจะได้เห็นว่าถ้าเราจะสามารถลดค่าไฟฟ้าช่วงกลางวันไปได้เท่าไรหากติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป
3.เช็คค่าใช้จ่ายในการติดตั้ง
สำหรับค่าใช้จ่ายในการติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ ขอเปรียบเทียบกับข้อมูล ดังนี้ หากเราต้องการติดตั้งโซลาร์เซลล์ที่มีกำลังติดตั้ง 1,000 วัตต์ จะมีค่าใช้จ่ายเริ่มต้นที่ 25,000 บาท ถึง 35,000 บาท ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายที่รวมทุกๆอย่างแล้วทั้ง ค่าบริการติดตั้ง ค่าใช้จ่ายในการขออนุญาตติดตั้ง ทั้งนี้ การติดตั้ง 1,000 วัตต์หรือ 1 กิโลวัตต์ สามารถลดค่าไฟฟ้าได้ประมาณ 500-800 บาทต่อเดือน
4.สำรวจพื้นที่สำหรับติดตั้งและการยื่นเรื่องขออนุญาตติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์
เมื่อเราสำรวจการใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน และเลือกปริมาณในการผลิตแล้ว ให้เราแจ้งขออนุญาตติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ที่เขตโยธาท้องถิ่นที่เราอาศัยอยู่ ทางเขตโยธาจะส่งวิศวกรมาสำรวจหลังคาบ้านของเราว่ามีความพร้อมติดตั้งหรือไม่ หรือจะต้องซ่อมแซมหลังคา หรือต้องเพิ่มเติมอะไรเพื่อให้ติดตั้งแผงได้โดยปลอดภัย หลังจากเช็คความพร้อมของหลังคาบ้านแล้ว เราจะต้องทำเรื่องขออนุญาตการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) หรือการไฟฟ้านครหลวง(กฟน.)ในเขตพื้นที่ที่บ้านเราตั้งอยู่โดยส่งแบบแปลน 2 แบบไปให้การไฟฟ้าฯพิจารณา แบบที่1 เรียกว่า “ส่งแบบ Single Line Diagram” เป็นแปลนระบบไฟฟ้า และ 2 เป็นแปลนอินเวอร์เตอร์
5.ยื่นเรื่องกับคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน
เมื่อเราได้รับการพิจารณาจากเขตโยธาท้องถิ่น และการไฟฟ้าฯเรียบร้อยแล้ว ให้เรานำเอกสารที่ได้รับมายื่นเรื่องต่อไปที่ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เพราะเป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่ รับเรื่องและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการขอใบอนุญาตการประกอบกิจการ พลังงานตามประเภท ขนาดและลักษณะของกิจการพลังงาน ตลอดจน ตรวจสอบการและสนับสนุนการดำเนินการตามหลักเกณฑ์ วิธีการและเงื่อนไขการออกใบอนุญาตทั้งก่อนและหลังในเขตพื้นที่ที่รับผิดชอบ กกพ.จะพิจารณาว่าเราสามารถติดตั้งโซลาร์เซลล์ได้หรือไม่
6.เริ่มติดตั้งโซลาร์เซลล์
เป็นขั้นตอนที่สำคัญเพราะเราจะต้องเริ่มขึ้นหลังคาแล้ว โดยเราจะต้องเตรียมตัวดังนี้
•เลือกทีมช่างที่มีความชำนาญการ เลือกใช้บริษัทที่มีความน่าเชื่อถือ มีประวัติการติดตั้งและเคยรับงานมากน้อยแค่ไหนเล็กใหญ่แค่ไหน
•เลือกใช้อินเวอร์เตอร์ที่มีคุณภาพ
•เลือกแผงโซลาร์เซลล์และรุ่นของแผงที่เหมาะสม
เมื่อช่างมาติดตั้ง เราจะต้องเช็คว่าสิ่งที่ช่างแนะนำก่อนหน้านี้กับอุปกรณ์ที่นำมาติดจริงตรงกันหรือไม่ อย่างไรก็ดียังไม่ต้องกังวลไป เพราะจะมีวิศวกรจากโยธาเขตท้องถิ่นมาตรวจเช็คอีกครั้งว่าอุปกรณ์ได้มาตรฐานหรือไม่
7.การใช้งาน การดูแลรักษา และการรีไซเคิล
เมื่อติดตั้งแล้วเสร็จ ก็เป็นหน้าที่ของเราเจ้าของบ้านที่จะเป็นคนดูแลรักษา เบื้องต้นคือการล้างแผงโซลาร์เซลล์ไม่ให้มีฝุ่นหรือสิ่งสกปรกมาเกาะเพราะจะลดประสิทธิภาพการผลิตพลังงานไฟฟ้าของแผงโซลาร์เซลล์เพียงแค่ใช้น้ำสะอาดฉีดล้างและใช้ผ้าเช็ดให้แห้ง แผงโซลาร์เซลล์จะสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าให้กับบ้านเรานานประมาณ 25 ปีโดยมาตรฐาน (หากดูแลรักษาดีสามารถใช้งานนานถึง 30 ปี) เมื่อแผงโซลาร์หมดอายุการใช้งานแล้วก็จะต้องนำแผงเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลแผงโซลาร์ซึ่งปัจจุบันมีเทคโนโลยีนำร่องที่สามารถรีไซเคิลแผงโซลาร์เซลล์ได้แล้ว
ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เราต้องรู้ก่อนติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์บนหลังคาบ้าน อย่างไรก็ดีแม้ว่าการติดตั้งโซลาร์เซลล์ในปัจจุบันนั้นเราสามารถเข้าถึงง่ายขึ้นเนื่องจากมีต้นทุนที่ถูกลง แต่ว่าประชาชนเองยังต้องเป็นผู้แบกรับภาระค่าใช้จ่าย หรือผู้มีรายได้น้อยก็ยังไม่สามารถติดตั้งโซลาร์เซลล์ได้ด้วยการลงทุนของตนเอง รวมทั้งยังต้องกลายเป็นส่วนหนึ่งของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
เพราะบ้านเรายังพึ่งพากระแสไฟฟ้าหลักทั้งที่มาจากโรงไฟฟ้าถ่านหินและเชื้อเพลิงฟอสซิลขนาดใหญ่
ข้อมูลอ้างอิง Greenpeace Thailand
รับชมลิงก์ 7 ข้อต้องรู้ในการติดตั้งSolar Rooftop