xs
xsm
sm
md
lg

คลิปสุดท้าย “ชบาแก้ว" ก่อนล้มกะทันหัน ชี้เหตุอากาศเปลี่ยน ทำให้ติดเชื้อโรคเฮอร์ปีไวรัสในช้าง

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ชบาแก้ว ลูกช้างพลัดหลง ในวันที่มีแม่รับ (แม่ดอกรัก) เมื่อราว 1 ปีที่แล้ว
เวลา 1 ปีกว่า ที่ลูกช้างพลัดหลง “ชบาแก้ว” ได้ใช้ชีวิตอยู่กับแม่รับ “แม่ดอกรัก”ในป่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว จ.อุดรธานี ชบาแก้วทำให้แฟนคลับนับพันนับหมื่นติดตาม หลายคนหลงรักช้าง รักป่า


เพราะผลพลอยได้จากการคอยส่อง ติดตามชบาแก้วผ่านเฟซบุ๊ค ยูทูป  ลูกช้างน้อย ฉายาหนึ่ง "แม่ขนตางอน"กลายเป็นลูกช้างป่าขวัญใจชาวโซเชียล  เธอทำให้คนใส่ใจ และเข้าใจต่อการอนุรักษ์ป่า ว่าสำคัญมากทั้งต่อชีวิตมนุษย์บนโลก และสัตว์ป่าอื่นๆ ซึ่งอยู่ในระบบนิเวศของผืนป่าแต่ละแห่ง และของโลกใบนี้

ก่อนหน้าเพียงไม่กี่วัน ช้างแม่ลูกคู่นี้ยังใช้ชีวิตด้วยกันอย่างมีความสุข ลูกช้างไม่ได้มีอาการใดๆ ที่บ่งบอกว่าเจ็บป่วย ซึ่งเพจเฟซบุ๊ค ประชาสัมพันธ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ก็ยังโพสต์ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม ให้แฟนเพจกดไลค์ แต่กลับกลายเป็นคลิปสุดท้ายของชบาแก้ว เมื่อนางต้องจากไปอย่างกระทันหัน เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 9 ธันวาคมที่ผ่านมา ดูจากในคลิปก็ยังเห็นว่าแม่ดอกรักและชบาแก้ว อยู่เคียงคู่กันอย่างมีความสุข

"ลาก่อนชบาแก้ว" 

เพจเฟซบุ๊ค ประชาสัมพันธ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โพสต์แจ้งช็อกแฟนๆ โดยระบุว่าสัตวแพทย์เผยสาเหตุจากการติดเชื้อ เหตุสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง จนทำให้ลูกช้างป่า (ชบาแก้ว) เกิดความเครียดส่งผลให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายลดลง ดังนี้

จากกรณีการตายของลูกช้างป่า(ชบาแก้ว) สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ ๑๐ (อุดรธานี) ชี้แจงเหตุเรื่องลูกช้างป่า (ชบาแก้ว) ป่วยกระทันหันและเสียชีวิต ดังนี้

วันที่ 9 ธันวาคม 2563 ตั้งแต่เวลา 08.00 น. เป็นต้นไป นายทวีป คำแพงเมือง หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว สัตวแพทย์ สบอ.10 (อุดรธานี) สัตวแพทย์ กรมอุทยานแห่งชาติฯ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ทำการดำเนินการตรวจสอบ ชันสูตร และเก็บตัวอย่าง หลักฐานต่าง ๆ จากซากลูกช้างป่า (ชบาแก้ว) ที่เสียชีวิต จนครบถ้วน และได้ทำการกลบฝังซาก โรยยาฆ่าเชื้อ ตามหลักวิชาการเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรค และประกอบพิธีกรรมทางศาสนาให้แก่ลูกช้างป่า (ชบาแก้ว) รวมทั้งจะได้นำส่งตัวอย่างไปยังหน่วยงานเพื่อยืนยันการตรวจวินิจฉัย จำนวน 3 แห่ง คือศูนย์วิจัยและพัฒนาการสัตวแพทย์ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง (สุรินทร์) คณะสัตวแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และสถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ เพื่อตรวจวินิจฉัยทางห้องปฏิบัติการต่อไป

ในเวลา 10.30 น. คณะเจ้าหน้าที่ประกอบด้วย ผู้อำนวยการส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว นายสัตวแพทย์ สบอ.10 (อุดรธานี) นายสัตวแพทย์ กรมอุทยานแห่งชาติฯ ควาญช้างและเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันประชุมเพื่อสรุปผลการอนุบาลลูกช้างป่า (ชบาแก้ว) การชันสูตรและวินิจฉัยของทีมสัตวแพทย์เบื้องต้น ดังนี้

1. การดูแลอนุบาลลูกช้างป่า (ชบาแก้ว) เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ได้ดำเนินการเป็นไปตามแนวทางที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช นายสัตวแพทย์จาก สบอ.10 (อุดรธานี) นายสัตวแพทย์จากกรมอุทยานแห่งชาติฯ และผู้ที่มีความรู้ความชำนาญจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแนะนำทุกประการ

2. การดูแลสุขภาพลูกช้างป่า (ชบาแก้ว) โดยนายสัตวแพทย์ประจำ สบอ.10 (อุดรธานี) ที่ผ่านมา ได้เข้ามาตรวจสอบสุขภาพลูกช้างป่า (ชบาแก้ว) เป็นประจำ ปรากฏว่า มีร่างกายที่สมบูรณ์ แข็งแรง เป็นปกติ ได้ทำการเจาะเลือดตรวจสุขภาพ ไม่มีอาการหรือลักษณะที่บ่งบอกว่ามีการป่วยหรือติดเชื้อแต่อย่างใด

3. ลักษณะอาการป่วยของลูกช้างป่า (ชบาแก้ว) ตั้งสมมติฐานไว้ 2 ประเด็น คือ
ประเด็นที่ 1 มีลักษณะอาการคล้ายติดเชื้อโรคเฮอร์ปีไวรัสในช้าง (EEHV)
ประเด็นที่ 2 เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียในระบบทางเดินทางอาหาร


ซึ่งทั้งสองอาการนั้นอาจเกิดมาจากสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง ทำให้ลูกช้างป่า (ชบาแก้ว) เกิดความเครียดส่งผลให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายลดลง จนเป็นสาเหตุให้เกิดการติดเชื้อและแสดงอาการอย่างรวดเร็ว โดยในช่วงระหว่างวัน 1 - 8 ธันวาคม 2563 อุณหภูมิในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว และท้องที่อำเภอบุ่งคล้า จังหวัดบึงกาฬ ได้ลดต่ำลง อุณหภูมิต่ำสุดอยู่ประมาณ 12 – 14 องศาเซลเซียส ในตอนเช้า และอุณหภูมิจะสูงขึ้นในตอนบ่าย ประมาณ 34 องศาเซลเซียส ซึ่งอุณหภูมิมีความแตกต่างกันอย่างมากระหว่างกลางวันและกลางคืน

4. ผลการวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นประการใดจะรายงานให้ทราบต่อไป
(ข้อมูล : นายวันชัย จริยาเศรษฐโชค ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 10)



คลิปสุดท้าย ชบาแก้ว โพสต์เมื่อ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา


กำลังโหลดความคิดเห็น