xs
xsm
sm
md
lg

ประกาศผลแล้ว!! “10 การเกษตรเพื่อการส่งออก” คว้ารางวัล“เกษตรกรรักบ้านเกิด” ปี'63

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์


ภาพ-นายบุญชัย เบญจรงคกุล ประธานกรรมการ มูลนิธิร่วมด้วยช่วยกันสำนึกรักบ้านเกิด กับ 10 เกษตรกรสำนึกรักบ้านเกิด ประจำปี 2563




เวทีประกวดเกษตรกรรักบ้านเกิด ครั้งที่ 12 ชูแนวคิด “การเกษตรเพื่อการส่งออก” ประกาศผล 10 รางวัล หนุนยกระดับเกษตรกรสู่ “ผู้ประกอบการส่งออก” เผย 3 คุณสมบัติสำคัญของเกษตรดิจิทัล “วิจัยพัฒนา รู้ความต้องการตลาด แบ่งปันชุมชน”

ดีแทค - EXIM BANK - กรมส่งเสริมการเกษตร และมูลนิธิร่วมด้วยช่วยกันสำนึกรักบ้านเกิด ประกาศผลการประกวดเกษตรกรสำนึกรักบ้านเกิด ครั้งที่ 12 ภายใต้แนวคิด “การเกษตรเพื่อการส่งออก” เพื่อเตรียมความพร้อมประเทศไทยสู่การเป็น “ศูนย์กลางอาหารของโลก”สอดรับแนวโน้มตลาดโลกเพิ่มความต้องการสินค้าเกษตร ขณะที่ สถานการณ์ส่งออกของไทยลดลงตลอด 3 ทศวรรษ แนะหา “ดาวเด่นใหม่” ป้อนตลาดโลก ยกระดับเกษตรกรให้เป็นผู้ประกอบการที่มีความพร้อมในการผลิตอาหารและสินค้าเกษตรมาตรฐานโลก พร้อมเพิ่มการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลพัฒนาศักยภาพการผลิตเพื่อแข่งขันในตลาดโลก


การประกวด “เกษตรกรสำนึกรักบ้านเกิด พ.ศ.2563” ภายใต้แนวคิด “การเกษตรเพื่อการส่งออก” ประกาศผลการตัดสิน 10 รางวัล ดังนี้

รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ นางสาวเสาวลักษณ์ มณีทอง จากสวนปันแสน จังหวัดตาก เกษตรกรผู้ผลิตสมุนไพรส่งออกไปอเมริกา ศรีลังกา และออสเตรเลีย

เกษตรกรหญิงรุ่นใหม่ที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของสมุนไพรไทย ด้วยการนำสมาชิกในชุมชนมาผลิต “สมุนไพรไทยไร้สารเคมี” มาตรฐานสากล รวบรวมและแปรรูป สร้างนวัตกรรมใหม่เพื่อนำสมุนไพรไทยสู่สากล ทำการตลาดควบคู่การผลิต พัฒนา วิจัย ต่อยอดผลิตภัณฑ์ เพื่อสร้างความแตกต่าง ด้วยการแบ่งปันผลประโยชน์ให้ชุมชนมีรายได้ที่น่าพอใจ ไม่เอาเปรียบเกษตรกร คำนึงถึงการใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้คุ้มค่า มีการอนุรักษ์ ฟื้นฟูทรัพยากร มีการวางแผนการเพาะปลูกอย่างเป็นระบบ แปรรูปเอง ขายเอง ทำการตลาดเอง สามารถกำหนดราคาตลาดได้เองจนชุมชนมีรายได้อย่างยั่งยืน

ชมคลิป [ทำความรู้จัก] เสาวลักษณ์ มณีทอง - สวนปันแสน
จังหวัดตาก https://www.youtube.com/watch?v=Jzvwicq5CL8

รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้แก่ นายสิทธา สุขกันท์ จากกลุ่มข้าวฅนอินทรีย์ จังหวัดพิจิตร เกษตรกรผู้ส่งเมล็ดข้าวเปลือกให้กับคู่ค้า นำไปแปรรูปเป็นแป้ง เส้นพาสต้า และราเมง

เกษตรกรหนุ่มผู้ผลิตข้าวแข็งอินทรีย์ มาตรฐานส่งออก นำไปแปรรูปเป็นแป้ง เส้นพาสต้า และราเมง ซึ่งเป็นที่ต้องการของตลาดต่างประเทศเป็นบุคคลที่ให้คุณค่าในอาชีพชาวนาความตั้งใจที่จะยกระดับอาชีพชาวนาให้มีเกียรติเทียบเท่ากับอาชีพอื่นๆ ให้ชาวนามีเกียรติ มีศักดิ์ศรี และมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ทำทุกอย่างให้เห็นเป็นตัวอย่าง และค่อยๆ เปลี่ยนแนวคิด เปลี่ยนวิธีการ ให้ชุมชนเห็นว่า ชาวนาสามารถทำข้าวอินทรีย์ส่งออกได้ มาตรฐานสากลก็ทำได้ และร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมติดตาม ร่วมกันรับผิดและรับชอบ มีการพัฒนาการทำงานอย่างสม่ำเสมอ

ชมตลิป [ทำความรู้จัก] สิทธา สุขกันท์ -
ข้าวฅนอินทรีย์ จังหวัดพิจิตร ได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=kOa8-aMRCCc

รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้แก่ นายณัฐวุฒิ จันทร์เรือง จันทร์เรืองฟาร์ม (JR Farm) จังหวัดจันทบุรี เกษตรกรผู้ส่งออกผลสด และทุเรียนแปรรูป ไปประเทศจีน สิงคโปร์ ใต้หวัน เวียดนาม

เกษตกรรุ่นใหม่ที่กลับไปช่วยครอบครัวทำสวนผลไม้ และนำความรู้ที่เรียนจบปริญญาโทด้านพลังงานไปพัฒนาระบบการทำเกษตร จนกลายเป็นเกษตรอัจฉริยะที่มีการนำระบบหุ่นยนต์และการควบคุมอัตโนมัติมาพัฒนาด้านการผลิต การแปรรูป ช่วยลดปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ลดต้นทุนการจ้างแรงงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

จากการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาปรับใช้ภายในฟาร์ม พัฒนาสวนจนสามารถพึ่งพาตนเองได้ จึงต่อยอดเป็นแหล่งเรียนรู้ให้กับคนในพื้นที่ ให้กับชุมชน ได้เข้ามาศึกษาและนำไปปรับใช้กับพื้นที่ของแต่ละบุคคล เพื่อสร้างความมั่งคงทางอาหารและพัฒนาการเกษตรของประเทศให้เกิดความยั่งยืนต่อไป โดยมีการพัฒนา เพิ่มมูลค่า แปรรูปผลผลิตให้ตรงตามความต้องการของตลาด จนเกิดเป็นผลิตภัณฑ์ทุเรียนกรอบ JR Farm ที่แปรรูปด้วยเครื่องอบระบบดิจิทัล ใส่ใจทุกขั้นตอน ตั้งแต่การปลูกจนถึงการแปรรูป

ชมตลิป [ทำความรู้จัก] นายณัฐวุฒิ จันทร์เรือง จันทร์เรืองฟาร์ม (JR Farm) จังหวัดจันทบุรี ได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=5ZpanGynkQU&list=PLpsLjSmJXA9Asi9I2neck1NlfCVZETOsF&index=7

รางวัลเกษตรกรดีเด่น ได้แก่
1.นายชำนาญ คุ้มไพร “คณิสรฟาร์มแมงอินเตอร์ เกษตรกรผู้เลี้ยงจิ้งหรีด” และแปรรูป จังหวัดร้อยเอ็ด
2.นางสาวอรวรรณ สุวรรณหล้า “หจก. สวนปทุมทิพย์ เกษตรกรผู้ปลูกและแปรรูปมะม่วง 7 สายพันธุ์”จังหวัดลำพูน
3.นายอมตะ สุขพันธ์ “หจก.วัน-อ๊อฟ คอฟฟี่ ฟาร์มสเตย์ ผู้ผลิตกาแฟ” จังหวัดแม่ฮ่องสอน
4.นายศราวุธ พรชัยสิทธิ์ “สวนมะพร้าวน้ำหอมคุณราตรี ผู้ปลูกมะพร้าวน้ำหอม” จังหวัดฉะเชิงเทรา
5.นายสมพงษ์ หนูศาสตร์ “สปาเกลือกังหันทอง ชาวนาเกลือ และผู้ผลิตเครื่องสำอางส่งต่างประเทศ” จังหวัดเพชรบุรี
6.นางสาวมณีรัตน์ ภาโนมัย “ดี ฟรุต ฟาร์ม (Dfruit Farm) ชาวสวนมะม่วงน้ำดอกไม้สีทองและมะม่วงโชคอนันต์” จังหวัดอุตรดิตถ์
7.นายศักดา แสงกันหา “Maligood ผู้ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม ผลิตผ้าไหมส่งออก” จังหวัดนครราชสีมา

ทั้งนี้ ผู้ที่ได้รับรางวัลจะต้องสามารถเป็นต้นแบบสำหรับเกษตรกรยุคใหม่ที่มีวิธีคิดอย่างเป็นระบบ สามารถนำบทเรียนไปประยุกต์และปฏิบัติให้เกิดผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม ปรับตัวเข้ากับกระแสการเปลี่ยนแปลง สามารถพึ่งพาตนเอง และพร้อมสร้างความเข้มแข็งแก่ชุมชนอย่างยั่งยืน

“เวทีประกวดเกษตรกรสำนึกรักบ้านเกิด” เป็นโครงการต่อเนื่องจากโครงการสำนึกรักบ้านเกิด เพื่อพัฒนาผู้นำชุมชน ด้วยปณิธานหวังปลุกจิตสำนึกการพัฒนาบ้านเกิดเมืองนอนแก่เยาวชนของผู้ก่อตั้ง คุณบุญชัย เบญจรงคกุล ทั้งนี้ การประกวดฯ มีวัตถุประสงค์เพื่อเฟ้นหา สนับสนุน และยกย่องเชิดชูเกษตรกรที่มีศักยภาพในการเป็นต้นแบบสำหรับเกษตรกรที่มีศักยภาพในการเป็นต้นแบบสำหรับเกษตรกรยุคใหม่ ที่มีวิธีคิดอย่างเป็นระบบ สามารถนำบทเรียนต้นแบบไปประยุกต์และปฏิบัติให้เกิดผลสำเร็จอย่างเป็นรูปธรรม ปรับตัว กับกระแสการเปลี่ยนแปลง พึ่งพาตนเองได้ พร้อมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชนอย่างยั่งยืน

นอกจากนี้ เพื่อเป็นการตอกย้ำอุดมการณ์สำนึกรักบ้านเกิดและแสดงถึงความมุ่งมั่นในการตอบแทนคุณแผ่นดินของมูลนิธิร่วมด้วยช่วยกันสำนึกรักบ้านเกิดและองค์กรภาคีในการส่งเสริม สนับสนุน ยกระดับเครือข่ายเกษตรกรสำนึกรักบ้านเกิดให้มีความพร้อมในการเป็นผู้ประกอบการเกษตร ที่สำคัญ เพื่อเผยแพร่ผลงานและความสำเร็จของเกษตรกรต้นแบบสำนึกรักบ้านเกิดสู่สาธารณชน ให้เกิดการยอมรับและเป็นแรงบันดาลใจในการดำเนินชีวิตและประกอบการเกษตร

สำหรับเกณฑ์การคัดเลือก คณะกรรมการฯ จะพิจารณาจากองค์ประกอบ 4 มิติ ได้แก่ 1.คุณสมบัติส่วนบุคคล โดยมีความรู้ด้านการเกษตร สามารถถ่ายทอดประสบการณ์ได้ และมีการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม 2.สินค้าและบริการ มีแบรนด์ชัดเจน มีความโดดเด่นน่าสนใจ มีมาตรฐานรับรอง และมีความพร้อมในการส่งออก 3.การจัดการ มีการจัดการที่เป็นระบบครบวงจร ใส่ใจสิ่งแวดล้อม และมีรายได้จากการประกอบการชัดเจน 4.ชุมชน มีจิตสำนึกรักบ้านเกิด มีการรวมกลุ่มเชื่อมโยงเครือข่าย และมีความมุ่งมั่นพัฒนาการเกษตรให้เกิดความยั่งยืน

บรรยายภาพ  - นายชาตรี บุญนาค รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร (ที่ห้าจากซ้าย) นายบุญชัย เบญจรงคกุล ประธานกรรมการ มูลนิธิร่วมด้วยช่วยกันสำนึกรักบ้านเกิด (ที่สามจากซ้าย) นายชารัด เมห์โรทรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค (ที่หนึ่งจากซ้าย) นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (เอ็กซิมแบงก์) (ที่เจ็ดจากซ้าย) ร่วมแสดงความยินดี กับเกษตรกรสำนึกรักบ้านเกิด ประจำปี 2563 นางสาวเสาวลักษณ์ มณีทอง (ที่สี่จากซ้าย) เกษตรกรที่ชนะเลิศ จากสวนปันแสน จังหวัดตาก เกษตรกรผู้ผลิตสมุนไพรส่งออกไปอเมริกา ศรีลังกา และออสเตรเลีย นายสิทธา สุขกันท์ (ที่สองจากซ้าย) รองชนะเลิศอันดับ 1 จากกลุ่มข้าวฅนอินทรีย์  จังหวัดพิจิตร เกษตรกรผู้ส่งเมล็ดข้าวเปลือกให้กับคู่ค้า นำไปแปรรูปเป็นแป้ง เส้นพาสต้า และราเมง นายณัฐวุฒิ จันทร์เรือง (ที่หกจากซ้าย) รองชนะเลิศอันดับ 2 จากจันทร์เรืองฟาร์ม (JR Farm) จังหวัดจันทบุรี เกษตรกรผู้ส่งออกผลสด และทุเรียนแปรรูป ไปประเทศจีน สิงคโปร์ ไต้หวัน เวียดนาม
๐ ศักยภาพด้านการเกษตร-การผลิตอาหารคุณภาพ
ปัจจัยสำคัญส่งออกสินค้าเกษตร

นายชาตรี บุญนาค รองอธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวในพิธีประกาศผลรางวัลฯ ว่า ประเทศไทยกำหนดวิสัยทัศน์ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี (พ.ศ.2561-2580) โดยมีเป้าหมายให้ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ก้าวสู่การเป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ในด้านเศรษฐกิจ ประเทศไทยตั้งเป้าขยายตัวอย่างเนื่อง โดยวางเป้าหมายให้เศรษฐกิจในประเทศมีความเข้มแข็ง และมีความสามารถในการแข่งขันกับประเทศต่างๆ ในตลาดโลก เพื่อนำมาซึ่งรายได้ทั้งจากในและต่างประเทศ ตลอดจนมีการสร้างเศรษฐกิจและสังคมแห่งอนาคต ให้สอดรับกับการพัฒนาที่เปลี่ยนแปลงไป

ที่ผ่านมา ประเทศไทยแสดงบทบาทสำคัญบนเวทีโลก โดยมีความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้าแนบแน่นกับประเทศในภูมิภาคเอเชีย มีจุดเด่นคือการเชื่อมโยงภูมิภาค ทั้งการคมนาคมขนส่ง การผลิต การค้าและการลงทุน นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมีศักยภาพสูงด้านการเกษตรและการผลิตอาหารที่มีคุณภาพ นับเป็นปัจจัยสำคัญในการส่งออกสินค้าทางการเกษตร


๐ ยกระดับเกษตรกรสู่ “ผู้ประกอบการ”

นายบุญชัย เบญจรงคกุล ประธานกรรมการ มูลนิธิร่วมด้วยช่วยกันสำนึกรักบ้านเกิด กล่าวว่า มูลนิธิฯ มีความมุ่งมั่นพัฒนาและส่งเสริมภาคการเกษตรของไทยให้มีความมั่นคงและยั่งยืนมาอย่างต่อเนื่อง สอดรับกับยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ที่มุ่งส่งเสริมและสนับสนุนภาคการเกษตรให้มีการพัฒนาคุณภาพและมาตรฐานสินค้า พร้อมกับการส่งออกไปแข่งขันในระดับนานาชาติ

โครงการประกวดเกษตรกรสำนึกรักบ้านเกิด ประจำปี พ.ศ.2563 เล็งเห็นถึงความสำคัญในการพัฒนาเกษตรกรให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนในทุกมิติ ผ่านการยกระดับเกษตรกรสู่การเป็น “ผู้ประกอบการ” ที่เข้มแข็ง สามารถแข่งขันกับคู่แข่งในระดับสากลได้ จึงเป็นที่มาของแนวคิดหลักของการประกวดในปีนี้ภายใต้กรอบ “การเกษตรเพื่อการส่งออก” เพื่อยกระดับเกษตรกรสู่การเป็นผู้ประกอบการที่มีความพร้อมด้านการผลิตอาหารและสินค้าเกษตรที่ได้มาตรฐานสู่ระดับโลก สร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจให้กับผู้ประกอบการเกษตรและประเทศชาติ

“การประกวดครั้งนี้ จะเห็นว่าผู้ได้รับการคัดเลือกเป็นผู้ชนะล้วนมีลักษณะการเป็นผู้ประกอบการ (Entrepreneurship) โดยมีการทำการเกษตรอย่างเป็นระบบ รู้ความต้องการของตลาด มีการวิจัยและต่อยอด เพื่อสร้างความแตกต่างในผลิตภัณฑ์ของตนเอง ที่สำคัญ ยังมีลักษณะความเป็นผู้นำ แบ่งปันความรู้และผลประโยชน์ให้แก่สมาชิกในชุมชน ซึ่งนอกจากจะเป็นการทำการเกษตรอย่างยั่งยืนแล้ว ยังช่วยสร้างรากฐานชุมชน สังคม และประเทศให้แข็งแรงยิ่งขึ้น” นายบุญชัย กล่าว

๐ ดีแทคสนับสนุนเทคโนโลยีเพิ่มผลิตภาพเกษตร

นายชารัด เมห์โรทรา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ดีแทค กล่าวว่า “คุณภาพ” ถือเป็นจุดขายหลักในการช่วงชิงส่วนแบ่งของตลาดสินค้าเกษตร ในตลาดโลก ดังนั้น เกษตรกรไทยจึงจำเป็นต้องรู้จักใช้เทคโนโลยีเกษตร (AgriTech) ผสานเข้ากับเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อช่วยเสริมศักยภาพทั้งในแง่การเพิ่มผลิตภาพ (Productivity) และการควบคุมคุณภาพ (Quality control) ทำให้การลงทุนมีความแม่นยำมากขึ้น ส่งผลต่อความสำเร็จของธุรกิจ

“ที่ผ่านมา ดีแทคได้ร่วมกับมูลนิธิร่วมด้วยช่วยกันสำนึกรักบ้านเกิดพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อติดอาวุธทางความรู้แก่เกษตรกรไทยมากว่า 10 ปี และล่าสุด ด้วยความร่วมมือกับยารา ประเทศไทย มีการเปิดตัวแอป Kaset Go ชุมชนออนไลน์ของเกษตรกรตัวจริง โดยมุ่งหวังให้เกษตรกรได้รับข้อมูลความรู้ที่ทันสมัย เข้าใจง่าย และตรงต่อความต้องการเฉพาะราย” นายชารัด กล่าว

นอกจากนี้ ดีแทคยังได้วางแนวทางที่เกี่ยวข้องกับภาคเกษตรกรรม โดยในปี พ.ศ.2564 จะนำเสนอนวัตกรรมใหม่ๆ เพิ่มศักยภาพเกษตรกรรุ่นใหม่ของไทยอย่างครบครันมากขึ้น เพื่อเป็นการติดอาวุธให้เกษตรกรไทยแข็งแกร่งพร้อมกับการเสริมโครงสร้างเศรษฐกิจไทยให้แข็งแรงยิ่งขึ้น

๐ EXIM BANK หนุนเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตร เพื่อส่งออกอย่างยั่งยืน


นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย หรือ EXIM BANK กล่าวว่า สินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปของไทยสร้างรายได้ให้ประเทศไทยปีละ 2.2 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 13% ของ GDP ไทย ขณะที่ ค่าเฉลี่ยของโลกอยู่ที่ประมาณ 10% ของ GDP แต่การส่งออกสินค้าเกษตรและเกษตรแปรรูปของไทยมีส่วนแบ่งตลาดเพียง 17% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดของไทย ซึ่งลดลงต่อเนื่องตลอดเกือบ 3 ทศวรรษที่ผ่านมา

ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยต้องเร่งหาทางสร้างมูลค่าเพิ่มให้สินค้าเกษตรของไทย เพื่อหา Product Champion ตัวใหม่เพิ่มจากปัจจุบันที่ไทยเป็นผู้ส่งออกสำคัญในหลายสินค้า ทั้งทุเรียน มันสำปะหลัง ข้าว ไก่ และสับปะรด โดยครองส่วนแบ่งตลาดส่งออกโลกถึง 92%, 44%, 17%, 11% และ 14% ตามลำดับ นอกจากนี้ สินค้าเกษตรหลายรายการของไทยยังส่งออกได้แม้ในช่วงวิกฤตโควิด-19 เช่น ผลไม้สดแช่เย็นแช่แข็ง ยังเป็นที่ต้องการของตลาดและมีศักยภาพจะขยายตลาดในต่างประเทศได้อีกมาก

EXIM BANK จึงพร้อมทำงานร่วมกับภาครัฐและเอกชน เพื่อเพิ่มโอกาสทางการตลาดและศักยภาพในการแข่งขันในตลาดโลกของผู้ประกอบการภาคเกษตร โดยการใช้ความเชี่ยวชาญขององค์กรในการบ่มเพาะผู้ประกอบการไทยให้สามารถเพิ่มมูลค่าสินค้าเพื่อการส่งออกและขยายตลาดส่งออกไปต่างประเทศได้มากขึ้น ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภคตามวิถีการดำเนินชีวิตในรูปแบบ New Normal อาทิ การให้ความสำคัญกับสุขอนามัยและอาหารเพื่อสุขภาพมากขึ้น โดย EXIM BANK มีบริการสนับสนุนทั้งด้านความรู้ การเงิน การให้คำปรึกษาและจับคู่ธุรกิจ เพื่อเสริมสภาพคล่องและความพร้อมของผู้ประกอบการไทยในการเริ่มต้นหรือขยายธุรกิจส่งออกอย่างมั่นใจและแข่งขันได้ในตลาดโลกอย่างยั่งยืน