QS ประกาศผลการจัดอันดับมหาวิทยาลัยในเอเชียประจำปี 2021 ชี้ National University of Singapore ยังคงขึ้นแท่นมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของเอเชียเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน ขณะที่มหาวิทยาลัยชั้นนำของ “จีน”ยังคงมีอันดับดีขึ้น “ญี่ปุ่น”มีอันดับค่อนข้างนิ่ง และ“มาเลเซีย” ยังคงมาแรง
Quacquarelli Symonds หรือ QS สถาบันคลังสมองในแวดวงอุดมศึกษาระดับโลก และผู้จัดอันดับมหาวิทยาลัยของโลก ประกาศผล การจัดอันดับมหาวิทยาลัยชั้นนำของเอเชีย QS World University Rankings: Asia ประจำปี 2021 โดยประเมินมหาวิทยาลัย 650 แห่ง และเป็นการจัดอันดับระบบอุดมศึกษาของเอเชียที่ครอบคลุมที่สุดของ QS การจัดอันดับนี้ประเมินศักยภาพของมหาวิทยาลัยโดยดูจากเกณฑ์บ่งชี้หลัก 11 ประการด้วยกัน ประกอบด้วย ผลงานทางวิชาการ การจ้างงานบัณฑิต คุณภาพงานวิจัย การนำเสนอบนเว็บ ความเป็นสากลของวิทยาเขต และความหลากหลายในความร่วมมือระดับนานาชาติของสถาบันแต่ละแห่ง
Quacquarelli Symonds (QS) รายงาน 8 ข้อมูลสรุปดังนี้ 1. National University of Singapore ยังคงขึ้นแท่นมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของเอเชียเป็นปีที่ 3 ติดต่อกัน
2. มหาวิทยาลัย 650 แห่งที่อยู่ในการจัดอันดับอยู่ใน 18 ประเทศและดินแดนทั่วเอเชีย โดยจีนแผ่นดินใหญ่มีมหาวิทยาลัยติดอันดับนี้มากที่สุด (124 แห่ง) ตามมาด้วยอินเดีย (107 แห่ง), ญี่ปุ่น (105 แห่ง), เกาหลีใต้ (88 แห่ง), ไต้หวัน (43 แห่ง), ปากีสถาน (40 แห่ง), มาเลเซีย (35 แห่ง) และอินโดนีเซีย (30 แห่ง)
3. มหาวิทยาลัย Tsinghua University ของจีน ไต่ขึ้นสู่อันดับ 2 ซึ่งเป็นอันดับสูงสุดของมหาวิทยาลัยแห่งนี้ในการจัดอันดับของ QS ขณะที่มหาวิทยาลัย Shanghai Jiao Tong University ติดอันดับ 10 มหาวิทยาลัยชั้นนำของเอเชียเป็นครั้งแรก
4. University of Hong Kong (HKU) คือมหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของฮ่องกง แต่ลดลงหนึ่งอันดับ
5. Universiti Malaya ติดอันดับ 10 มหาวิทยาลัยชั้นนำของเอเชียเป็นครั้งแรก และมหาวิทยาลัยของมาเลเซียมีอันดับดีขึ้น 24 แห่ง จากทั้งหมด 35 แห่งในการจัดอันดับ
6. ญี่ปุ่นมีมหาวิทยาลัยติด 50 อันดับแรกมากที่สุด (11 แห่ง) เมื่อเทียบกับประเทศ ที่ตั้ง หรือดินแดนอื่นๆ
7. มหาวิทยาลัยอันดับหนึ่งของเกาหลีใต้คือ Korea University (อันดับที่ 12 ของเอเชีย)
8. ในแง่ของผลิตภาพงานวิจัยนั้น มหาวิทยาลัยของอินเดียติด 10 อันดับแรกของเอเชียถึง 6 แห่ง อย่างไรก็ดี คุณภาพงานวิจัยของอินเดียไม่ได้ไปทางเดียวกับปริมาณงานวิจัย ขณะที่คะแนนในเกณฑ์ความสามารถในการสอนและการจ้างงานนั้นลดลง
เบน โซวเทอร์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย QS กล่าวว่า "ผลการจัดอันดับปีนี้สะท้อนให้เห็นภูมิทัศน์ที่เคลื่อนไหวอย่างเข้มข้นและร้อนแรงในแวดวงอุดมศึกษาของเอเชีย โดยมหาวิทยาลัยชั้นนำของจีนยังคงมีอันดับดีขึ้น มหาวิทยาลัยญี่ปุ่นมีอันดับค่อนข้างนิ่ง และมาเลเซียยังคงมาแรง"
ดูผลการจัดอันดับทั้งหมดได้ที่ www.TopUniversities.comและดูระเบียบวิธีวิจัยในการจัดอันดับได้ที่ https://www.topuniversities.com/asia-rankings/methodology