กระทรวงการอุดมศึกษาฯ จับมือกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และสยามไบโอไซเอนซ์ แก้ปัญหาขาดแคลน “ชุดตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19” ที่เป็นมาตรฐานองค์การอนามัยโลก เดินหน้าร่วมมือพัฒนาและผลิต พร้อมส่งมอบ 20,000 ชุดแรกให้รัฐบาลแล้ว เพื่อนำไปแจกให้ใช้ฟรีในโรงพยาบาลทั่วประเทศและห้องปฎิบัติการที่มีเครื่องตรวจกว่า 100 แห่ง ยืนยันจะทยอยส่งมอบทุกสัปดาห์ให้ครบ 100,000 ชุดภายใน เม.ย.นี้ ระบุเป้าหมายผลิตครบ 1 ล้านชุดภายใน 6 เดือน
กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) โดยมหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ และบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ ได้วิจัยและพัฒนา “ชุดตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR” ซึ่งเป็นวิธีการตรวจที่เป็นมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก (WHO) สำหรับการหาเชื้อไวรัสนี้ในสภาวการณ์ปัจจุบัน เพื่อเป็นการยืนยันว่าผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสจริง โดยมีเป้าหมายจะผลิตให้ครบ 1 ล้านชุด ภายในระยะเวลา 6 เดือน และให้รัฐบาลนำไปแจกจ่ายใช้ฟรีตามโรงพยาบาล และห้องปฏิบัติการที่มีเครื่องตรวจทั่วประเทศกว่า 100 แห่ง
ล่าสุด เมื่อช่วงเช้าวันที่ 2 เม.ย.ที่ทำเนียบรัฐบาล ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.การอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) พร้อมผู้แทนกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ผู้แทนบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ เข้าพบพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อมอบชุดตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้วยวิธีRT-PCR ชุดแรกที่สามารถผลิตได้จำนวน 20,000 ชุดให้แก่รัฐบาล และจะทยอยส่งมอบทุกสัปดาห์จนครบ 100,000 ชุดภายในเดือนเมษายนนี้ พร้อมเดินหน้าผลิตอย่างต่อเนื่องจนครบตามเป้าหมาย
ดร.สุวิทย์ รมว.อว. กล่าวว่า ที่ผ่านมาประเทศไทยยังสามารถตรวจผู้เข้าข่ายว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงได้น้อย ซึ่งสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการมีภาวะขาดแคลน ชุดตรวจและน้ำยาจากต่างประเทศ การพัฒนาชุดตรวจนี้ขึ้นมาก็เพื่อลดปัญหาการขาดแคลน และเป็นการสร้างความมั่นคงด้านชุดตรวจของประเทศ นอกจากนี้ ชุดตรวจนี้ยังมีราคาถูกกว่าชุดตรวจที่นำเข้าจากต่างประเทศอย่างมาก
ทั้งนี้ ชุดตรวจนี้ได้ผ่านการสอบเทียบกับตัวอย่างไวรัสมาตรฐาน และผลิตในสถานที่ผลิตเครื่องมือแพทย์ที่ได้มาตรฐาน อย. และมาตรฐานสากล โดยโครงการวิจัยพัฒนาและผลิตชุดตรวจนี้ได้รับงบประมาณจากหน่วยบริหารจัดการทุนด้านการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศ (บพข.) ภายใต้โครงการ BCG-Health ของ อว. เป็นจำนวนเงิน 65 ล้านบาท ร่วมกับเงินลงทุนจากบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำนวน 65 ล้านบาท และในอนาคตยังสามารถขยายการผลิตได้มากขึ้นเพื่อรองรับการขยายตัวของการตรวจ RT-PCR ตามที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์คาดว่าจะมีมากถึง 1 ล้านตัวอย่างต่อปี และจะขยายความร่วมมือกับเครือข่ายวิจัยทางการแพทย์อื่นๆ เพื่อพัฒนาให้การตรวจ RT-PCR สะดวกยิ่งขึ้น
