เครือข่ายเตือนภัยสารเคมีกำจัดศัตรูพืช (ไทยแพน) โพสต์ประเทศแบนพาราควอตพุ่งขึ้นรวดเดียว 5 ประเทศ ทำให้ขณะนี้มีประเทศที่แบนพาราควอตแล้วรวม 58 ประเทศ โดยประเทศที่เพิ่มขึ้นจากต้นปีที่แล้ว ได้แก่ มาเลเซีย ซาอุดิอาระเบีย โอมาน ปาเลสไตน์ และโมซัมบิก
นอกเหนือจากนั้นมีอีกหลายประเทศที่ผู้นำประเทศหรือรัฐมนตรีด้านเกษตรและสิ่งแวดล้อมประกาศว่าจะแบนโดยเร็ว คือ ไนจีเรีย และฟิจิ แต่ยังไม่กำหนดเวลาที่ชัดเจน ไทยแพนจึงไม่รวม 2 ประเทศดังกล่าวในแผนที่แบนพาราควอตนี้
แต่หวังว่าภายใน 1-2 เดือนข้างหน้า แผนที่นี้คงจะรวมประเทศไทยเข้าไปไว้ในหนึ่งประเทศที่คุ้มครองสุขภาพของประชาชน ไม่ใช่อยู่ในกลุ่มประเทศที่ผู้ตรวจการด้านสิทธิมนุษยชนของสหประชาชาติระบุว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มประเทศที่มีกฎหมายอ่อนแอ ในการคุ้มครองสิทธิของเกษตรกรรายย่อยและแรงงานรับจ้างฉีดพ่นสารพิษกำจัดศัตรูพืช
นับตั้งแต่ปี 2559 มีผู้เสียชีวิตจากสารเคมีร้ายแรงกำจัดศัตรูพืช 2,193 ราย ล่าสุด เกิดเหตุการณ์ขึ้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก เมื่อถังฉีดสารรั่วใส่ร่างกาย ทำให้เกษตรกรเสียชีวิตภายใน 15 วัน ทีมแพทย์พยายามรักษาทุกหนทางจนแผลภายนอกเกือบจะหายสนิท แต่พาราควอตถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกาย ทำลายอวัยวะภายในจนหมด และเสียชีวิตในเวลาต่อมา
นี่ยังไม่นับว่าสารพิษชนิดนี้ ส่งผลต่อคนผู้บริโภคโดยตรงจากการสุ่มเก็บผักและผลไม้จากห้างสรรพสินค้า ที่พบว่ามีพาราควอตเกินค่ามาตรฐาน 50% และพบสารนี้ตกค้างในร่างกาย เจอในขี้เทาทารก 54.7% และในซีรั่มของมารดา & ทารกแรกคลอด 17-20% นอกจากนี้ ยังมีงานวิจัยทั้งในและต่างประเทศที่พบว่าพาราควอต ส่งผลกระทบต่อเซลล์ประสาทและเป็นสาเหตุหนึ่งของโรคพาร์กินสัน
"ตอนนี้ที่ยังขาดคือเสียงสนับสนุนจากประชาชนที่ต้องร่วมกันทำให้ดังขึ้นไปอีก เพื่อให้คณะกรรมการวัตถุอันตรายรู้ว่าไม่มีผลประโยชน์ใดที่จะเหนือไปกว่าผลประโยชน์ของประชาชน อยากขอเชิญทุกท่านร่วมลงชื่อและแชร์แคมเปญ Change.org/Paraquat ให้ถึง 1 แสนชื่อ ล่าสุดคนเข้าร่วมแล้วเกือบ 6 หมื่นราย”