เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (30 ก.ค.2562) แผ่นน้ำแข็งที่กรีนแลนด์ประสบวิกฤติละลายมากที่สุดถึงร้อยละ 60 ภายในวันเดียว คิดเป็นปริมาณถึง 11,000 ล้านตัน หรือเทียบเท่ากับสระว่ายน้ำโอลิมปิก 4.4 ล้านสระ (ในภาพเปรียบเทียบปี 2018 กับ 2019 ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน สีเทาคือบริเวณไม่มีน้ำแข็ง)
ทั้งนี้ เคยมีปรากฏการณ์ละลายในวันเดียวสูงที่สุดมาก่อน ในปี 2012 คิดเป็นจำนวน 97% (ข้อมูลจาก washingtonpost )
โดยปกติแล้วน้ำแข็งกรีนแลนด์นั้นละลายในช่วงฤดูร้อน มักเริ่มละลายปลายเดือนพฤษภาคม แต่ปีนี้กลับเริ่มตั้งแต่ต้นเดือนพฤษภาคมและคงละลายอย่างต่อเนื่อง คาดว่าอาจจะสิ้นสุดที่เดือนสิงหาคม
Ruth Mottram นักวิทยาศาสตร์ด้านภูมิอากาศจากสถาบันอุตุนิยมวิทยาเดนมาร์กกล่าวว่า "ละลาย" ในช่วงสี่เดือนที่ผ่านมาซึ่งได้บันทึกอุณหภูมิสูงตลอดเวลา
ช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาเพียงเดือนเดียว โลกต้องเผชิญกับคลื่นความร้อน (Heatwave ) จนคาดว่าอุณหภูมิที่ร้อนขึ้นแบบผิดปกติโดยเฉพาะประเทศแถบยุโรประดับอุณหภูมิที่ ร้อนจนทำลายสถิติร้อนที่สุด ในระยะเวลาใกล้เคียงกันคลื่นความร้อนก็เคลื่อนตัวปกคลุมอาร์กติกจนทำให้กรีนแลนด์สูญเสียน้ำแข็งสูงถึง 197 พันล้านตัน หรือเท่ากับสระว่ายน้ำโอลิมปิก 80 ล้านสระ ซึ่งปกติในช่วงเวลานี้ ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 60-70 พันล้านตันเท่านั้น
อย่างที่ทราบกันว่า ดินแดนอาร์กติก หลายพื้นที่ก็ประสบปัญหาไฟป่าอย่างรุนแรง อันเป็นผลมาจากอุณหภูมิที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างผิดปกติ 10 กว่าองศาเซลเซียส มาตั้งแต่เดือน มิถุนายน Copernicus Atmosphere Monitoring Services ( CAMS) โดยตรวจพบไฟป่าถึง 100 แห่งใน Arctic circle
มนุษย์คงปฏิเสธยาก ว่าต้นเหตุที่สำคัญมาจากความเกี่ยวเนื่องและเริ่มส่งผลกระทบต่อวิถีชีวิตมนุษย์รุนแรงขึ้น เนื่องจากภาวะโลกร้อนที่มนุษย์เองก็เป็นผู้ร่วมก่อปัญหาด้วย ดังนั้น สัญญาณอันตรายเหล่านี้ มนุษย์เองจะต้องช่วยกันปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต ลดการปล่อยคาร์บอน และควรให้ความร่วมมือกันทุกฝ่าย ทั้งภาครัฐและประชาชนรายบุคคล เรามีเวลาแค่ 10 ปี ในการคุมไม่ให้อากาศร้อนเพิ่มขึ้นเกิน1.5 เซลเซียส
ข้อมูลอ้างอิง
เพจ Too Young to Die
https://cnn.it/2KeFdY1
https://www.washingtonpost.com/…/images-show-staggering-e…/…