สาวน้อยนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม น้องลิลลี่ วัย 11 ปี กลายเป็นนักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมของคนรุ่นใหม่ ที่คนไทยน่าจะฝากความหวังพึ่งได้ ในด้านการรณรงค์เคลื่อนไหวด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมเพื่อให้คนในสังคมร่วมตระหนัก และเปลี่ยนแปลง
ก่อนเธอได้รับรางวัล Yunus & Youth Ambassador 2019 ด้านสิ่งแวดล้อม หากใครยังจำได้เธอยังเป็นตัวตั้งตัวตีออกรณรงค์ Climate Strike ร่วมกับทั่วโลกซึ่งเป็นเส้นทางเดียวกันกับสิ่งที่นักสิ่งแวดล้อมรุ่นเยาว์ของโลก Greta Thunberg เคลื่อนไหว
น้องลิลลี่ หรือ ด.ญ.ระริน สถิตธนาสาร มีความมุ่งมั่นผลักดันให้ภาครัฐและเอกชนเปลี่ยนแปลงใช้มาตรการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศเปลี่ยนแปลงอย่างจริงจังมาตั้งแต่อายุแค่ 8 ขวบ
เมื่อไม่นานนี้ น้องลิลลี่ได้ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม ยื่นหนังสือให้กระทรวงศึกษาธิการบรรจุวิชาสิ่งแวดล้อมเป็นวิชาบังคับ
นอกจากนี้ เธอยังได้มุ่งมั่นผลักดันให้ภาคเอกชน อย่างบริษัทใหญ่ๆ ที่สร้างมลพิษมหาศาล มีมาตรการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังพร้อมเสนอแนวทาง อย่างการลด ละ เลิกแจกพลาสติกใช้ครั้งเดียวทิ้ง ((Single Use) เพราะพลาสติกเหล่านี้เมื่อมีปริมาณมากขึ้นจนเกินสมดุลได้กลายเป็นภัยต่อสิ่งแวดล้อมทั้งบนบกและในน้ำ ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่า ในแต่ละปี ขยะพลาสติกกว่า 8 ล้านตันถูกทิ้งและลงไปในมหาสมุทร ทำให้สัตว์ทะเลจำนวนไม่น้อย ทั้งเต่าทะเล ปลา นก ได้รับสารพิษ และเกิดอันตรายถึงชีวิตจากการบริโภคถุงพลาสติก
เมื่อวันที่ 28 มิถุนายนที่ผ่านมา เธอได้รับรางวัล Yunus & Youth Environment Ambassador จาก Professor Muhammad Yunus ชาวบังกลาเทศที่ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพ โดยเขาโด่งดังจากการริเริ่ม Micro Credit และก่อตั้ง Grameen Bank เพื่อให้คนจนหรือธุรกิจรายย่อยสามารถกู้ยืมเงินได้
Yunus ซึ่งเป็นนักธุรกิจเพื่อสังคม นักเศรษฐศาสตร์ และผู้นำที่มุ่งเน้นขจัด 3 สิ่ง (3 zeros) คือ การขจัดความยากจน (Zero Poverty) ขจัดการว่างงาน (Zero Unemployment) และขจัดการปล่อยคาร์บอน (Zero Net Carbon Emission) เพื่อความไม่จน ไม่หิว ไม่ป่วย กล่าวว่า
“จากที่ได้ติดตามน้องลิลลี่ตลอดที่ผ่านมา ผมได้เห็นความตั้งใจของเธอในการเคลื่อนไหวเพื่อกระตุ้นให้มีมาตรการจากผู้ที่มีอำนาจเพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง ไม่ใช่แค่การณรงค์ ที่ผ่านมาไม่มากก็น้อย เด็กหญิงคนนี้มีส่วนทำให้ภาคเอกชนเริ่มมีมาตรการที่หันมาใส่ใจสิ่งแวดล้อมอย่างการ ลด เลิกแจกถุงพลาสติก ผมขอขอบคุณเด็กตัวน้อยคนนี้ที่ทำให้มองเห็นอนาคตข้างหน้าด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย”
ข้อมูลอ้างอิง เพจ Environman
หมายเหตุ : หนังสือยื่นให้กระทรวงศึกษาธิการบรรจุวิชาสิ่งแวดล้อมเป็นวิชาบังคับ
"การศึกษาคืออาวุธที่ทรงพลังที่สุด ที่สามารถนำมาเปลี่ยนแปลงโลกได้" เมื่อวันสิ่งแวดล้อมโลก น้องลิลลี่ และกลุ่มรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อมไทย ยื่นเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ให้มีหลักสูตร Eco-Education เป็นวิชาบังคับในหลักสูตรทุกระดับชั้น เพื่อแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน โดยมีข้อความประกาศในเพจ Bye Bye Plastic Bags Thailand ดังนี้
เรียนท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
สวัสดีค่ะหนูชื่อลิลลี่ หนูอายุ 11 ปี หนูมีวัตถุประสงค์อยากเข้าพบท่านรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อนำวิชา eco education ให้เป็นวิชาบังคับในหลักสูตรทุกระดับชั้น หนูจะนำเสนอตัวอย่างโรงเรียนที่ทำโครงการนี้ไปแล้ว เป็นตัวอย่างจาก โรงเรียนอนุบาล โรงเรียนมัธยมต้น มัธยมปลายและมหาวิทยาลัย
ตัวอย่างและหลักสูตรนี้มี ดร. สุจิตตราและคณะ จาก zerowaste Chula ให้ความช่วยเหลือเก็บข้อมูลจากบางโรงเรียนอินเตอร์และโรงเรียนไทย มีโรงเรียนที่นำร่องโครงการนี้ไปแล้ว และมีบางหลักสูตร บางโปรเจคที่ต้องได้รับคำปรึกษาจากกระทรวงศึกษาธิการ
วันนี้หนูจึงขอให้ท่านรัฐมนตรี ผลักดันโรงเรียนทั่วประเทศให้เป็นโรงเรียนสีเขียว โดยหนูจะนำเสนอโครงการและหลักสูตรต่างๆ ดังนี้
วิชา eco education เป็นวิชาเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและต้องการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม ไม่ใช้ถุงพลาสติกที่ใช้ได้ครั้งเดียวเช่นหลอดพลาสติก กล่องพลาสติกและแก้วพลาสติก ในวิชานี้เราจะสอนนักเรียนว่าทำไมของที่ทำจากพลาสติกถึงทำร้ายโลกเรา แล้วถ้าเราหยุดใช้ของที่ทำจากพลาสติกโลกเราจะสะอาดแล้วดีขึ้น
ถ้าเราจะไปข้างนอกซื้อของเราควรจะนำเอาถุงผ้ามาเอง ไม่ใช้หลอดพลาสติก และนำกล่องอาหารมาเองแทนการใช้พลาสติก ขอให้คุณครูสอนนักเรียนให้หยุดใช้พลาสติกเพราะว่าเด็กๆจะอยู่ในโลกนี้อีกนาน
เราอยากให้โลกสะอาดและปลอดภัย โรงเรียนอินเตอร์หลายแห่งเริ่มวิชานี้แล้ว หนูเลยอยากให้โรงเรียนรัฐบาลทุกแห่งมีวิชา eco education ใน 77 จังหวัดด้วย
เราต้องเปลี่ยนโลกเราเพราะว่า โลกเรากำลังถูกทำร้ายอยู่ค่ะ