เป็นเรื่องน่าสลดใจ เพราะตั้งแต่ต้นปีมาถึงช่วงเดือนมิถุนายน มีการพบศพวาฬสีเทาแปซิฟิกเป็นจำนวนกว่า 75 ตัวด้วยกัน โดย 37 ตัวพบในน่านน้ำและชายฝั่งรัฐแคลิฟอร์เนีย, 3 ตัวพบในรัฐโอเรกอน, 25 ตัวในรัฐวอชิงตัน, 5 ตัวพบในรัฐอะแลสกา ประเทศสหรัฐอเมริกา และอีก 5 ตัวพบในรัฐบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดา ซึ่งคาดว่าวาฬที่พบศพนั้นเป็นจำนวนเพียงน้อยนิดของวาฬที่เสียชีวิต เพราะโดยปกติศพวาฬนั้นจะจมลงสู่ก้นทะเล
สาเหตุการตายจำนวนมาก นักวิทยาศาสตร์ยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ชัด แต่มีสมมุติฐานว่ามาจากการขาดสารอาหาร เพราะวาฬจำนวนมากที่พบมีไขมันในร่างกายต่ำจนน่าใจหาย ซึ่งเป็นผลกระทบโดยตรงจากสภาพอากาศที่ร้อนขึ้นในแถบอะแลสกาที่อยู่ใกล้ขั้วโลกเหนือ ทำให้น้ำทะเลมีอุณหภูมิสูงขึ้นและสัตว์ทะเลในบริเวณดังกล่าวมีพฤติกรรมที่แตกต่างไปจากเดิม หรือลดจำนวนลง
โดยปกติวาฬสีเทาจะอพยพขึ้นไปใช้ชีวิตแถบอะแลสกาในช่วงฤดูร้อน โดยเริ่มอพยพช่วงเดือนมีนาคม-เดือนมิถุนายน หากินกับสัตว์น้ำขนาดเล็กเพื่อสะสมเป็นชั้นไขมันภายใต้ผิวหนังเพื่อใช้เป็นแหล่งพลังงานสำหรับการอพยพลงตอนใต้สู่มหาสมุทรฝั่งตะวันตกของเม็กซิโกเพื่อจับคู่ผสมพันธุ์ในช่วงเดือนพฤศจิกายน หรือฤดูหนาว แต่เมื่ออาหารขาดแคลนและไขมันสะสมใต้ผิวหนังไม่เพียงพอ วาฬหลายตัวจึงอดตายระหว่างการอพยพ หรือบางตัวมีความพยายามในการเข้ามาหาอาหารใกล้ชายฝั่ง ทำให้เกิดอุบัติเหตุชนกับเรือจนบาดเจ็บ และเสียชีวิตลงในที่สุด
ในอดีตเองก็เคยมีเหตุการณ์ลดจำนวนลงจนน่าใจหายของวาฬสีเทา ช่วงปีค.ศ. 1999-2000 โดยมีการพบวาฬจำนวนกว่า 100 ศพด้วยกัน ซึ่งคาดว่าเป็นผลจากปรากฏการณ์เอลนินโญ่ที่ส่งผลให้อุณหภูมิของทะเลมีความเปลี่ยนแปลง ในครั้งนั้นศพวาฬที่พบไม่มีอาการผอมโซหรือขาดสารอาหาร จึงยังไม่มีข้อสรุปแน่ชัดถึงสาเหตุการตายเช่นกัน
แต่เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้มีการตายเพิ่มเติม เราทุกคนควรหันมาดำเนินชีวิตแบบใส่ใจสิ่งแวดล้อมกันให้มากขึ้น เพราะทุกกิจกรรมในชีวิตประจำวันของเรานั้นสามารถส่งผลกระทบให้เกิดการเปลี่ยนแปลงบนโลก ส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตชนิดอื่นต่อๆ กันไป
ข้อมูลอ้างอิง กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม
https://reut.rs/2LkP3s5
http://bit.ly/2KLzJpd