ครม.เห็นชอบปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ตั้งสทนช.ประจำ 4 ภูมิภาคทำหน้าที่อำนวยการกำกับถึงพื้นที่ ลงลึก 22 ลุ่มน้ำใหม่ พร้อมตั้ง 2 หน่วยงานในส่วนกลางดูแลด้านกฏหมายขับเคลื่อนพรบ.น้ำฯ และด้านต่างประเทศ ยกระดับนวัตกรรมงานวิจัยทรัพยากรน้ำ แก้ปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้ง
นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.2562 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบร่างกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ……. ซึ่งมีสาระสำคัญ คือ การตั้งสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติภาคใน 4 ภูมิภาค ครอบคลุม 22 ลุ่มน้ำใหม่ แบ่งเป็น 1.ภาคเหนือ จ. ลำปาง 2.ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จ.ขอนแก่น 3. ภาคกลาง จ.สระบุรี และ4.ภาคใต้ จ.สุราษฏร์ธานี มีหน้าที่สำคัญ อาทิ อำนวยการ กำกับ ดูแลถึงพื้นที่ระดับลุ่มน้ำทั้ง 22 ลุ่มน้ำ
โดยประสานงานกับหน่วยงานของรัฐ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และองค์กรผู้ใช้น้ำ ในการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวกับการใช้ การพัฒนา การบริหารจัดการ การบำรุงรักษา การฟื้นฟู และการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ รวมถึงกฎหมายที่เกี่ยวกับการควบคุมมลพิษทางน้ำในเขตลุ่มน้ำให้เป็นไปตามแผนแม่บท การใช้ การพัฒนา การบริหารจัดการ การบำรุงรักษา การฟื้นฟู และการอนุรักษ์ ทรัพยากรน้ำในเขตลุ่มน้ำ เป็นต้น
พร้อมกันนี้ ยังตั้งอีก 2 หน่วยงานอยู่ที่ สทนช.ส่วนกลาง ได้แก่ “กองต่างประเทศ” มีภารกิจสำคัญ อาทิ เสนอแนะนโยบาย แผนแม่บท บทบาท และท่าทีของประเทศไทยเกี่ยวกับความร่วมมือระหว่างประเทศด้านทรัพยากรน้ำ และการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำระหว่างประเทศ รวมถึงเป็นหน่วยงานกลางประสานงานและกำหนดบทบาทของหน่วยงานปฏิบัติในการดำเนินความร่วมมือ การประชุมเจรจา และการจัดทำความตกลงด้านทรัพยากรน้ำกับต่างประเทศและองค์การระหว่างประเทศ
ขณะเดียวกัน ยังทำหน้าที่วิเคราะห์ วิจัย และแลกเปลี่ยนความรู้ ข้อมูล เทคโนโลยี และนวัตกรรม ด้านทรัพยากรน้ำกับต่างประเทศและองค์การระหว่างประเทศเพื่อพัฒนาต่อยอดการบริหารจัดการน้ำที่สอดคล้องกับประเทศไทย รวมถึงการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้งอย่างยั่งยืน ตลอดจนให้คำปรึกษา แนะนำ เผยแพร่ และถ่ายทอดให้แก่หน่วยงานปฏิบัติและผู้เกี่ยวข้องซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญ และ "กองกฎหมาย” เพื่อขับเคลื่อนพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ.2561 รวมถึงสนับสนุนการดำเนินงานด้านกฎหมาย กฎ ระเบียบ ข้อบังคับ คำสั่ง มาตรการ ตลอดจนหลักเกณฑ์และวิธีการที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรน้ำ เพื่อการดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจ ของ กนช. คณะกรรมการลุ่มน้ำ และคณะอนุกรรมการที่เกี่ยวข้อง เป็นต้น
“ปัจจุบันพระราชบัญญัติทรัพยากรน้ำ พ.ศ. 2561 มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการแล้ว ทำให้ภารกิจที่อยู่ในความรับผิดชอบของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติเพิ่มมากขึ้น ดังนั้น สทนช.จึงได้เสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาร่างปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการและหน้าที่และอำนาจของสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ สำนักนายกรัฐมนตรี พ.ศ…….เพื่อให้สอดคล้อง ครอบคลุมกับภารกิจที่เพิ่มขึ้นและเหมาะสมกับสภาพงานที่เปลี่ยนแปลงไป เพื่อให้การปฏิบัติภารกิจตามหน้าที่และอำนาจมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลยิ่งขึ้น ทั้งนี้ หลังจากครม.รับทราบร่างฯ ดังกล่าวที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฏีกาตรวจพิจารณาแล้ว สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติจะนำเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาลงนาม และประกาศในราชกิจจานุเบกษาต่อไป”นายสมเกียรติกล่าว