บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ศูนย์คุณธรรม (องค์การมหาชน) มูลนิธิประเทศไทยใสสะอาด สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (OKMD) กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) สมาคมครูผู้สอนภาษาอังกฤษ สำนักพิมพ์ดีเอ็มจี และมูลนิธิธรรมดี ร่วมสืบสานศาสตร์พระราชา จัดกิจกรรม “ตามรอยพระเจ้าตากสินมหาราช ศึกษาศาสตร์พระราชา อ่าวคุ้งกระเบน” เยือนถิ่นบูรพา ตามรอยประวัติศาสตร์ กราบสักการะพระเจ้าตากสินมหาราช เรียนรู้ศาสตร์พระราชา โดยนำคณะครูผู้สอนภาษาอังกฤษกว่า 30 คน พร้อมคณะจิตอาสา ลงพื้นที่ 1 ใน 9 เส้นทางแหล่งเรียนรู้มีชีวิต ณ ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน จังหวัดจันทบุรี เพื่อเรียนรู้ คิดค้นการเรียนการสอนภาษาอังกฤษในรูปแบบใหม่นอกตำรา นำประสบการณ์จากกิจกรรมไปขยายผลกับเพื่อนครูและนักเรียน พร้อมทั้งปลูกฝังคุณธรรม 4.0 คือ พอเพียง วินัย สุจริต จิตอาสา
นางวิชชุดา ไตรธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ด้วยปณิธานของทิพยประกันภัยในการดำเนินธุรกิจอย่างมีคุณธรรม บริหารงานภายใต้หลักธรรมมาภิบาลโดยมุ่งมั่นพัฒนาองค์กรและการให้บริการอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการมีส่วนร่วมอย่างจริงจังในการให้ความช่วยเหลือ พัฒนา และรับผิดชอบต่อส่วนรวมอย่างครอบคลุมทุกมิติ ทั้งด้านสังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม เพื่อความเจริญยั่งยืนของสังคมไทย และด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณหาที่สุดมิได้ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ที่ทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจมากมาย เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ผ่านโครงการตามพระราชดำริกว่า 4 พันโครงการทั่วประเทศ อีกทั้งได้พระราชทานหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตให้แก่คนไทย ทิพยประกันภัย จึงได้ร่วมสืบสานศาสตร์พระราชา จัดกิจกรรม “ทิพยตามรอยพระเจ้าตากสินมหาราช ศึกษาศาสตร์พระราชา อ่าวคุ้งกระเบน” เยือนถิ่นบูรพา ตามรอยประวัติศาสตร์ กราบสักการะพระเจ้าตากสินมหาราช เรียนรู้ศาสตร์พระราชา ณ จังหวัดจันทบุรี ในครั้งนี้ ซึ่งจะเป็นการศึกษาเรียนรู้ที่ประเมินค่ามิได้
กิจกรรม “ตามรอยพระเจ้าตากสินมหาราช ศึกษาศาสตร์พระราชา อ่าวคุ้งกระเบน” จังหวัดจันทบุรี เริ่มด้วยพิธีบวงสรวงสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ณ ค่ายตากสิน ด้วยวันที่ 17 เมษายน เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และชาวจันทบุรีถือว่าสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงมีพระมหากรุณาธิคุณต่อจังหวัดจันทบุรี และเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์การกอบกู้เอกราชคราวเสียกรุงครั้งที่ 2 และสามารถกอบกู้เอกราชของชาติกลับคืนมาได้อีกครั้ง โดยได้รับเกียรติจาก พลเรือเอกประเจตน์ ศิริเดช อดีตผู้บัญชาการทหารเรือ แพทย์หญิง คุณหญิงนงนุช ศิริเดช รองประธานกรรมการมูลนิธิอนุรักษ์โบราณสถานในพระราชวังเดิม นายบุญช่วย น้อยสันเทียะ รองผู้ว่าราชการจังหวัดจันทบุรี นางวิชชุดา ไตรธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ดร.ดนัย จันทร์เจ้าฉาย ประธานมูลนิธิธรรมดี ดร.ปนีตา นิตยาพร นายกสมาคมครูผู้สอนภาษาอังกฤษแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยคณะครูและจิตอาสา ร่วมในพิธี
ต่อด้วยการนำคณะผู้เข้าร่วมกิจกรรมเดินทางไปยังศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน ซึ่งได้ก่อตั้งตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ให้พิจารณาพื้นที่ที่เหมาะสมในการจัดทำโครงการพัฒนาอาชีพการประมงและการเกษตรในเขตพื้นที่ชายฝั่งทะเลจันทบุรี โดยได้ดำเนินงานด้านการอนุรักษ์ การจัดการทรัพยากรชายฝั่ง การส่งเสริมและพัฒนาอาชีพราษฎรของศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน ในโอกาสนี้ได้รับเกียรติจากนายนเรศ แสงอรุณ นักประชาสัมพันธ์ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน กล่าวต้อนรับพร้อมทั้งอธิบายภาพรวมกิจกรรมแต่ละฐานในการเรียนรู้ศาสตร์พระราชาและคุณธรรม 4.0 คือ พอเพียง วินัย สุจริต จิตอาสา ได้แก่ ฐานงานส่งเสริมและพัฒนาอาชีพประมง ทำกิจกรรมแซะไข่ปูม้า ทำซั้งเชือกสร้างบ้านให้ปลา และป้อนอาหารปลาฉลามเสือดาว เพื่อเรียนรู้การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ ความยั่งยืนพึ่งพาอาศัยซึ่งกันและกัน ระหว่างคนกับธรรมชาติ และฐานการปลูกต้นไม้ป่าชายเลน เรียนรู้เรื่องของการมีจิตอาสา การมีวินัย ความเพียรพยายาม รู้จักถนอมโลกและสิ่งแวดล้อม
จากนั้นเป็นการถอดบทเรียนจากกิจกรรมตามรอยพระราชาที่ได้เรียนรู้ด้วยการลงพื้นที่ปฏิบัติจริง โดยผู้บริหารสมาคมนักเรียนเก่าเอเอฟเอสประเทศไทย เป็นผู้ดำเนินการถอดบทเรียน และสร้าง Interactive Board จากหนังสือชุด King Bhumibol Adulyadej of Thailand เพื่อเป็นสื่อการเรียนการสอนสำหรับครูสอนภาษาอังกฤษทั่วประเทศ
ดร.ปนีตา นิตยาพร นายกสมาคมครูผู้สอนภาษาอังกฤษแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ทริปนี้เป็นการทัศนศึกษาที่ผสมผสานความรู้และความสนุก เพื่อเปิดโอกาสให้คุณครูได้ซึมซับ เข้าใจและเข้าถึง “ศาสตร์พระราชา” อีกทั้งยังสร้างเสริมจินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ โดยมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน แบ่งปันเคล็ดลับการสอนเยาวชนยุค 4.0 และเป็นโอกาสในการปรึกษาปัญหาการสอนภาษาอังกฤษ เพื่อสร้างความสุขในการเรียนรู้อย่างยั่งยืน รวมถึงต่อยอดการสอนในรูปแบบใหม่ๆ เพื่อปลูกฝังให้เยาวชนไทยมีความกล้าแสดงออกและสามารถสื่อสารภาษาอังกฤษด้วยความมั่นใจ
ดร.ดนัย จันทร์เจ้าฉาย ประธานมูลนิธิธรรมดี ในฐานะผู้จัดกิจกรรมครั้งนี้ กล่าวปิดท้ายว่า “ทริปตามรอยพระราชา” ครั้งนี้ คุณครูทุกท่านจะได้รับคู่มือการเรียนรู้ควบคู่การท่องเที่ยวตามรอยพระราชา และชุดหนังสือ King Bhumibol Adulyadej of Thailand ซึ่งเป็นหนังสือภาษาอังกฤษ ประกอบด้วยหนังสือพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ และพระราชดำรัสของในหลวงรัชกาลที่ 9 เพื่อให้ผู้เข้าร่วมโครงการได้ตามรอยพระราชา และได้เรียนรู้เรื่องราวของพระองค์ท่านในรูปแบบภาษาอังกฤษ ได้เรียนรู้คำราชาศัพท์ คำเฉพาะ ชื่อโครงการพระราชดำริต่าง ๆ รวมถึงพระราชดำรัสของพระองค์ท่าน อีกทั้งหนังสือชุดนี้ยังมีแบบฝึกหัด และคำศัพท์ท้ายเล่ม เพื่อความสะดวกในการพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอนภาษาอังกฤษในรูปแบบใหม่ๆ ที่เหมาะสมกับเยาวชนในยุค 4.0
ชุดหนังสือ King Bhumibol Adulyadej of Thailand ประกอบด้วยหนังสือ 3 เล่ม คือ 1. From Prince to King กล่าวถึงพระราชประวัติ พระราชจริยวัตร และพระอัจฉริยภาพตั้งแต่เมื่อทรงพระเยาว์ เพื่อให้ผู้อ่านตระหนักถึงความรักและความห่วงใยที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทย 2. Strength of the Land เล่าถึงพระราชกรณียกิจอันเหนื่อยยากที่ทรงปฏิบัติเพื่อยังคุณประโยชน์นานัปการแก่ประเทศไทย เพื่อให้ผู้อ่านทราบถึงพระอัจฉริยภาพและพระมหากรุณาธิคุณอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ 3. By the Light of Your Wisdom เน้นพระบรมราโชบาย พระราชกรณียกิจสำคัญ และแนวพระราชดำรัสที่เปรียบเสมือนแสงประทีปส่องสว่างกลางใจคนไทยทั้งมวล เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีในการดำรงชีวิตแก่ผู้อ่านต่อไป
โครงการ “ตามรอยพระราชา” ครั้งนี้ จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 3 โดยมูลนิธิธรรมดี สำนักพิมพ์ดีเอ็มจี และธรรมดีทัวร์ โดยครั้งที่หนึ่งจัดเมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2561 ตอน “ทิพยตามรอยพระราชา” นำเยาวชน 30 คนที่ผ่านการบรรพชาสามเณรในโครงการปลูกต้นกล้ายาตราพุทธภูมิ ร่วมเดินทางสู่ 1 ใน 9 เส้นทางแหล่งเรียนรู้มีชีวิต ณ วัดพระราม 9 กาญจนาภิเษก กรุงเทพฯ และชุมชนบ้านศาลาดิน อำเภอพุทธมณฑล จังหวัดนครปฐม และครั้งที่สอง จัดเมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2561 ตอน “5 ธันวา ตามรอยพระราชา บ้านศาลาดิน คลองขุดแห่งศรัทธา กับศาสตร์พระราชาเพื่อความยั่งยืน” ณ ชุมชนบ้าน ศาลาดิน จังหวัดนครปฐม
โครงการ “ตามรอยพระราชา” นำเสนอเส้นทางศึกษาเรียนรู้ 9 เส้นทาง 81 แหล่งเรียนรู้มีชีวิตตามรอยศาสตร์พระราชา เพื่อให้เยาวชน นักเรียน นักศึกษา และองค์กรต่างๆ ร่วมเดินทางลงพื้นที่เรียนรู้โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตามรอยในหลวงรัชกาลที่ 9 ผู้ทรงเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทยและเป็นแบบอย่างของคนทั่วโลก โดยมีกิจกรรมเสริมทักษะภายในพื้นที่โครงการต่างๆ เพื่อเป็นการเรียนรู้นอกห้องเรียนให้กับเยาวชน และทำให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้เข้าใจสิ่งที่พระองค์ทรงทำเพื่อพสกนิกรอย่างถ่องแท้มากยิ่งขึ้น