พฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีความตระหนักรักษาสิ่งแวดล้อม อาจจะพลาดโดยใม่ทันคิดว่า การพกถุงผ้ามาใส่ของแทนถุงพลาสติกซึ่งดีอยู่แล้วที่ช่วยลดใช้ถุงพลาสติก แต่ความเป็นจริง เคยลองดูของ สินค้าที่ซื้อมาใส่ในถุงผ้า ว่ามีของใส่ถุงพลาสติกซ้อนไว้อยู่ อาจเพิ่งจะได้มาเพราะเราไม่ได้บอก ห้ามคนขายไม่ทัน ก็เลยตามเลย กลายเป็นว่าเรามีถุงพลาสติกใส่สินค้าซ้อน ซ่อนไว้ในถุงผ้า
เชื่อว่าหลายคนเจอเหตุการณ์แบบนี้ และคงพูดได้ว่าเราเองนั่นแหละทำให้เกิดการคบซ้อน ซ่อนใช้ถุงพลาสติกไว้ในถุงผ้า ลองคิดดูว่าเหตุการณ์ทำนองนี้ เราสามารถลดถุงพลาสติกแค่เพียงถุงผ้าใบที่โชว์ไว้ให้คนเห็นจากภายนอกเท่านั้น ยังมีอีกหลายใบที่ใช้ซ้อนอยู่ ซึ่งในแต่ละวัน ถ้าคุณไม่ใช้ซ้อน คุณสามารถจะลดใช้พลาสติกอีกจำนวนมาก และทำได้ตามเจตนารมณ์ในการลดขยะพลาสติกสู่สิ่งแวดล้อม
อีกกรณี ผู้ขาย (โดยเฉพาะตามห้างสรรพสินค้า) เขาหวังดี ซ้อนถุงพลาสติกหลายชั้น ป้องกันไม่ให้ถุงเกิดการฉีกขาด ทั้งๆ ที่ใส่รถเข็นไปยังที่จอดรถยนต์อย่างสะดวกโดยที่ใส่ถุงชั้นเดียวหรือไม่ใส่ก็ได้
อย่างที่เราทราบกันดีว่าถุงพลาสติกนั้นทำให้เกิดขยะขึ้นบนโลกของเรามากมาย แถมยังใช้เวลาย่อยสลายนานถึง 450 ปีอีกด้วย ปัจจุบันเฉพาะในกรุงเทพมหานครมีขยะที่เป็นถุงพลาสติกถึง 1,800 ตันต่อวันเลยทีเดียว จึงมีคนที่มองเห็นถึงปัญหา และได้ผลิตถุงผ้าออกมาให้พวกเราได้ใช้กัน เพื่อที่จะรณรงค์ในการลดใช้ถุงพลาสติกและก็จะช่วยบรรเทาภาวะโลกร้อนลงได้
ตอนนี้องค์กรต่างๆของบ้านเราก็เริ่มหันมาผลิตถุงผ้าของตัวเองออกมา และก็มีการรณรงค์ให้ใช้ถุงผ้ากันอย่างกว้างขวางมากขึ้น ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่ทุกคนหันมาให้ความสนใจเกี่ยวกับภาวะโลกร้อนมากขึ้น ส่วนบางคนที่ไม่รู้มาก่อน อาจจะมีคำถามในใจว่า แล้วเราจะใช้ถุงผ้าตอนไหน ? ใช้ทำอะไร ? ขอตอบตรงๆได้ว่า ให้ใช้แทนถุงพลาสติกที่เราท่านใช้ในแต่ละวัน
แล้วก็อย่ามองแค่ถุงผ้าเป็นสินค้าแฟชั่น เลยซื้อมาไว้มากมายเกินความจำเป็น มันคงจะไม่ได้ช่วยทำให้อะไรดีขึ้น กลับจะทำให้เกิดขยะบนโลกมากขึ้น หากมองและใช้กันแบบฉาบฉวย จนเกิดการใช้แบบข้างต้น “คบซ้อน” (ใช้ถุงพลาสติกซ้อน ซ่อนไว้ในถุงผ้า) และอย่าตามกระแสแฟชั่นมากเกินไป เพราะมันก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนมากขึ้นอีก