นิสสัน ร่วมกับ ฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน (Frost and Sullivan) ที่ปรึกษาด้านสำรวจและวิจัยผู้บริโภคด้านเทคโนโลยี เปิดผลการศึกษา “อนาคตของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” (Future of Electric Vehicles in South East Asia) พบว่าผู้บริโภคคนซื้อรถ 1 ใน 3 ตั้งใจจะซื้อรถยนต์ไฟฟ้าในครั้งถัดไป
โดย 3 ประเทศแรกที่มีความต้องการซื้อรถยนต์พลังงานไฟฟ้ามากที่สุด คือ ฟิลิปปินส์ (46%) ไทย (44%) และ อินโดนีเซีย (41%)
ผลสำรวจผู้บริโภคน่าสนใจ ตรงที่พบว่า มาตรฐานความปลอดภัย และ ความสะดวกในการชาร์จ เป็น 2 ปัจจัยสำคัญที่สุดสำหรับในการเลือกซื้อรถ EV โดย มาตรฐานความปลอดภัย คิดเป็น 66% รองลงมาเป็น ความสามารถในการชาร์จที่ทำงาน (61%) และความสามารถในการชาร์จที่บ้าน (61%) แต่สำหรับสิงคโปร์ การได้รับการส่งเสริมจากภาครัฐฯ เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้เกิดการซื้อด้วย
ถึงแม้จะมีความต้องการต่อรถยนต์พลังงานไฟฟ้าสูงขึ้น แต่ก็มีอุปสรรคอยู่หลายด้านเช่นกัน เช่น การขาดความรู้และความเข้าใจที่ถูกต้อง ความกังวลใจเรื่องแบตเตอรี่จะหมดลงกลางทาง เช่นเดียวกับลูกค้ายังไม่เชื่อมั่นในมาตรฐานความปลอดภัยของรถยนต์พลังงานไฟฟ้า
“การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของรถยนต์ขับเคลื่อนโดยพลังงานไฟฟ้าจำเป็นต้องมีความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด ระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงแนวทางการดำเนินการในระยะยาวที่ปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ที่แตกต่างกันในแต่ละตลาด” ยูตากะ ซานาดะ รองประธานอาวุโส ระดับภูมิภาคของนิสสัน กล่าวอีกว่า “ผู้บริโภคในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มองว่า ภาครัฐมีบทบาทสำคัญต่อการสนับสนุนรถยนต์พลังงานไฟฟ้า”
“ในฐานะบริษัทผู้ผลิตรถยนต์เราก็จะต้องทำงานให้ดียิ่งขึ้นเพื่ออธิบายว่ารถยนต์พลังงานไฟฟ้ามีความปลอดภัย มีความชาญฉลาด และเป็นทางเลือกที่ยั่งยืนในทุกสภาพอากาศ” ซานาดะ เสริมอีกว่า “รถยนต์ไฟฟ้าของนิสสันได้รับการทดสอบอย่างจริงจังในสภาพอากาศที่เลวร้ายที่สุด เรามีความภาคภูมิใจที่ลูกค้า นิสสัน ลีฟ จำนวน 300,000 รายได้ขับรถของเรา ไปมากกว่า 3.9 พันล้านกิโลเมตรทั่วโลกตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553 โดยไม่มีปัญหาใหญ่ๆ เกิดขึ้นกับแบตเตอรี่เลย”
ขณะที่ วิเวก ไวทยา รองประธานอาวุโสฝ่ายระบบขับเคลื่อนของฟรอสต์ แอนด์ ซัลลิแวน เพิ่มเติมว่า “ความเข้าใจในเรื่องรถยนต์พลังงานไฟฟ้าในปัจจุบันไม่ได้สะท้อนความต้องการที่แท้จริงซึ่งสูงกว่ามาก ในทางตรงกันข้าม ความเชื่อที่ว่า ราคาที่สูงของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าจะเป็นอุปสรรค แต่จากการสำรวจเผยว่าผู้บริโภคกลับมีความกังวลด้านความปลอดภัยและการชาร์จไฟ ซึ่งหากภาคอุตสาหกรรมและภาครัฐบาลสามารถขจัดอุปสรรคเหล่านี้ลงได้ ความเป็นไปได้ของยานยนต์ไฟฟ้าก็จะมีสูงขึ้น”
การเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้าในเมืองไทยไม่ได้แตกต่างไปจากภาพรวมตลาดอาเซียน ผศ.ดร.ยศพงษ์ ลออนวล นายกสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าไทย อีวี (EV) กล่าวถึงปัจจัยสำคัญที่จะไปสร้างแรงกระตุ้นผู้บริโภคคือ 1. สินค้าหรือเทคโนโลยีเหล่านั้นต้องใช้งานง่าย สะดวกสบาย เพื่อง่ายต่อการปรับเปลี่ยนไปใช้ ยกตัวอย่างเช่น การชาร์จไฟได้ง่ายที่บ้านเหมือนกับการชาร์จโทรศัพท์มือถือ ก็จะช่วยผลักดันให้มีการใช้งานมากขึ้น รวมไปถึง 2. การมีจุดชาร์จที่ครอบคลุมเส้นทางของผู้ใช้งาน(ในกรณีที่ใช้รถเป็นระยะ) และ 3. แรงสนับสนุนจากภาครัฐ ที่จะทำให้ Cost ราคาของรถยนต์ไฟฟ้านั้นถูกลง เป็นตัวเร่งให้เกิดตลาดเกิดผู้ใช้โดยเร็วยิ่งขึ้น
รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ก่อกระแสร้อนแรงอย่างต่อเนื่อง เกิดจากเสียงสะท้อนผู้บริโภคที่มีความสนใจสัมผัสตัวรถจริงๆ มากขึ้นจนทำให้บริษัทรถยนต์ชั้นนำทั่วโลกต่างเร่งรัดพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์เพื่อจะมาทดแทนรถที่ใช้เชื้อเพลิงแบบเดิม เราจึงได้เห็นข่าวการเปิดรถไฟฟ้าใหม่จากค่ายต่างๆ ถี่ขึ้น คาดว่าใน 5 ปีข้างหน้า บ้านเราก็จะมีรถยนต์ไฟฟ้าสวยๆ มาอวดโฉมบนท้องถนนอย่างคึกคักแน่
เคาะ 5 รถยนต์ไฟฟ้าไทยที่พร้อมขายในปี 2019
1.FOMM One ราคา 664,000 บาท
2.Hyundai IONIQ ราคา 1,749,000 บาท
3.BYD e6 ราคา 1,890,000 บาท
4.Nissan Leaf ราคา 1,999,000 บาท
5.Kia Soul EV ราคา 2,297,000 บาท
